จากสนามบินนาริตะไปโตเกียวด้วยรถไฟ Skyliner (Keisei)

จากสนามบินนาริตะไปโตเกียวด้วยรถไฟ Skyliner (Keisei)

Credit: ผู้เขียน

เพื่อนๆ ที่จะไปเที่ยวโตเกียวและเลือกลงสนามบินนาริตะ ร้อยทั้งร้อยเลือกใช้รถไฟเข้าเมืองโตเกียวกันแน่นอนเพราะสะดวกและตั๋วไม่แพง แต่หลายๆ คนที่ไปครั้งแรกก็อาจตื่นเต้น ยิ่งไม่ได้ภาษาญี่ปุ่นด้วยนะ ตายๆๆๆ อะดรีนารีนหลั่งแน่นอน เอาเป็นว่าใจเย็นๆ ตามเรามาค่ะ ไม่ยากเลย เราขอรีวิววิธีการเดินทางจากสนามบินนาริตะ Terminal 2 เข้าสู่ตัวเมืองโตเกียว เราเลือกลงสถานีอุเอโนะ เนื่องจากพักอยู่แถวนั้นค่ะ ตามมาเลยไม่มีหลง เริ่มจากลงเครื่องกันเลย ตามป้าย Arrivals มาค่ะ

Credit: ผู้เขียน

รับกระเป๋าเอารถเข็นมาใช้ได้ สามารถเข็นได้ไปจนถึงที่ซื้อตั๋วรถไฟเลยค่ะ สบายมาก ผ่อนแรงได้ก็ผ่อนแรงเอานะคะ เพิ่งมาถึงอย่าโหมร่างกายมาก

Credit: ผู้เขียน

ตามป้ายไปขึ้นรถไฟเลยค่ะ…Train

Credit: ผู้เขียน

ตามผังนะคะ ไม่ต้องมึนแบบเรา ฮ่าๆๆ …. พอผ่าน ต.ม. ด่านตรวจคนเข้าเมืองและออกมาเพื่อขึ้นรถไฟ ลงบันไดเลื่อนมานะคะจะเจอบริเวณ Lobby ก่อนจะเข้าสู่ชานชาลารถไฟ จะเป็นโซนขายตั๋วรถไฟค่ะ

ตาลายใช่มั้ยคะ ดูเลยว่าจะลงสถานีอะไร ไม่ต้องคิดมาก อย่างเราลง Ueno ใช้เวลา 41 นาที

Credit: ผู้เขียน

เดินไปซื้อตั๋วกันเถอะ เอาเป็นว่าวิธีการง่ายที่สุดมองไปทางซ้ายมือจะเจอคำว่า สกายไลเนอร์ (Sky Liner) สีน้ำเงิน

Credit: ผู้เขียน

เข้าไปในห้องขายตั๋วของ Skyliner ได้เลยค่ะบอกเจ้าหน้าที่เป็นภาษาอังกฤษว่าต้องการไปอุเอโนะ (Ueno Station) กี่คนก็บอกไปนะคะ

Credit: ผู้เขียน

มันจะมีเคาน์เตอร์น้ำเงินอีกฝั่ง ซื้อได้เหมือนกันค่ะ แล้วแต่สะดวก

Credit: ผู้เขียน

และจะได้ตั๋วมาแบบนี้ค่ะ ราคาคนละ 1,240 เยน จบ Step การซื้อตั๋ว Skyliner เข้าสถานีอุเอะโนะ โตเกียว ไม่งงกันนะคะ (ถ้าสงสัยและอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติม เข้าไปได้ที่เว็บไซต์)

หน้าตาแบบนี้เลยค่ะ มีภาษาไทยด้วยค่ะ ให้เลือกเปลี่ยนภาษาด้านบน

ก็จะเป็นภาษาไทย ง่ายใช่มั้ยล่ะคะ

Credit: ผู้เขียน

จากนั้นเราขอแนะนำให้ออกมาซื้อบัตรซุยกะ (SUICA) ที่เคาน์เตอร์สีแดง SUICA ซึ่งเป็นบัตรสารพัดนึกสำหรับขึ้นรถไฟในเมืองโตเกียวและซื้อของในเซเว่นก็ได้รวมถึงจ่ายเงินเช่า Locker ก็ได้เช่นกันค่ะ สะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องคอยซื้อตั๋วในแต่ละสถานี ลงปุ๊บแตะบัตร SUICA ผ่านตลอดเลย (เงินหมดก็เติมเงินที่ตู้ได้ทุกสถานี)

Credit: ผู้เขียน

เคาน์เตอร์สีแดงด้านขวามือ เมื่อออกมาจากสนามบินนาริตะ Terminal 2 แถวยาวๆ นี่แหละค่ะ

Credit: ผู้เขียน

ดูรูปนะคะ เส้นแดงก่อนนะคะ เป็นแถว Purchase คือ “ซื้อตั๋ว” ไม่ว่าจะเป็น JR หรือชินกังเซน และบัตร SUICA ต้องต่อเส้นแดง (คนมักจะยาวตลอดเวลา แต่ไม่ช้าค่ะ) สิ่งที่ต้องเตรียมคือ Passport ของทุกคนนะคะ ย้ำว่า Passport ของทุกคน….เพราะอะไร….เพราะถ้าเป็นเด็กๆ จะได้ตั๋วราคาเด็ก ถูกลงอีกค่ะ แต่สามารถยืนต่อแถวซื้อคนเดียวพอ ส่งตัวแทนที่รู้เรื่องที่สุดในกลุ่มไปซื้อมาค่ะ ส่วนเส้นน้ำเงินคือเวลาคืนบัตร SUICA และบัตร Japan Rail Pass ตอนกลับค่ะ (ได้เงินมัดจำคืนตามเรทที่กำหนด)

Credit: ผู้เขียน

เรียบร้อยแล้วนะคะ…ตั๋วพร้อม ลากกระเป๋ามาที่ชานชาลา เมื่อเข้าไปที่ชานชาลา ไม่ต้องแพนิคตื่นเต้น เพราะมันจะงง ป้ายเยอะไปหมด หาสีน้ำเงิน Skyliner เราใช้เทคนิคมองเวลาออกของรถไฟค่ะ ดูง่ายที่สุด มีภาษาอังกฤษบอกสถานีปลายทางไว้ อย่างของเรา ไปสถานีอุเอโนะ เวลาออกตามนี้ 21.52 น. ก็เดินไปบริเวณชานชาลาที่บอกให้รอเลยค่ะ

Credit: ผู้เขียน

ดูตั๋วนะคะ เวลา 21:52 น.คือเวลารถไฟเคลื่อนออกจากสถานีนะคะ เราต้องขึ้นก่อนรถไฟออกนะคะ ไม่ใช่ไป 21.52 น. เป๊ะ…ตายเลยแบบนั้น ตกรถไฟนะคะ ต้องไปยืนรอก่อน 5-10 นาที ในรายละเอียดนะคะ มีบอกโบกี้ ลำดับที่ 5 ที่นั่งหมายเลข 09C (รายละเอียดคือจะเห็นว่าราคาตั๋ว 620 เยน ราคาที่นั่ง 620 เยน)

Credit: ผู้เขียน

ก่อนขึ้นถ้าไม่แน่ใจก็ยื่นบัตรตั๋วให้เจ้าหน้าที่รถไฟที่ยืนอยู่ข้างนอกตัวรถไฟดูก่อนและเดินเข้าไป สวยๆ

Credit: ผู้เขียน

มาแล้วววววว…ตรงนี้อากาศหนาวนะคะ ถ้าไปช่วงฟดูหนาวเอาเสื้อหนาวออกมาใส่เลยค่ะ

Credit: ผู้เขียน

หลายคนเอากระเป๋าใบใหญ่ไปนะคะ ก็สามารถวางไว้ในโบกี้บริเวณปากทางขึ้นรถไฟเลย มีที่วางกระเป๋าไว้ให้ค่ะ แล้วก็เดินแต่ตัวเปล่าๆ (หรือกระเป๋าใบเล็ก) เข้าไปนั่งเก้าอี้ตามที่เราได้ซื้อตั๋วไว้ บริเวณเก้าอี้นั่ง ก็จะไม่กว้างมากนะคะ นั่งคู่ 2 คน มี 2 แถวซ้ายขวา นั่งเพลินๆ แป๊บเดียวก็ถึงค่ะ

Credit: ผู้เขียน

ถ้าเด็กน้อยก็นั่งตัก หรือถ้าเก้าอี้ว่างก็ให้นั่งได้ค่ะ (ไม่เกิน 2 ขวบไม่ได้ซื้อตั๋วให้ค่ะ) คอยฟังสียงประกาศว่าถึงสถานีหรือยัง ก็เตรียมเอาสัมภาระลงให้ครบ เอาเป็นว่าง่ายๆ สรุปให้นะคะ

1.รู้สถานีปลายทางที่เราจะลง
2.บอกเจ้าหน้าที่ซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์สีน้ำเงิน Skyliner (ไปครั้งแรกไม่ถนัดก็อย่าซื้อตั๋วตู้กดเองนะคะ มันมีรายละเอียดเช่นเลือกที่นั่งอะไรอีก เดี๋ยวผิดพลาดจะยุ่ง ไม่แนะนำๆ)
3.ดูเวลาออกของรถ ไปถึงที่ชานชาลาก่อน 10 นาที
4.อย่าลืมปรับเวลานาฬิกาของเราด้วยนะคะ (ญี่ปุ่นเร็วกว่าไทย 2 ช.ม.) สำหรับสมาร์ทโฟนมันจะขึ้นเวลาท้องถิ่นอัตโนมัติให้อยู่แล้ว
5.อย่าลืมซื้อบัตรซุยกะ (บอกเจ้าหน้าที่ตอนซื้อให้เติมเงินไว้ประมาณ 5,000 เยน น่าจะใช้หมดในทริป 3-4 วัน) จะได้สะดวก ไร้กังวล สะดวกเวลาซื้อตั๋วต่อรถไฟและซื้อของร้านคอมบินิค่ะ

ดูบทความที่เกี่ยวข้อง

About the author

riangsupod-profile_pic_image

RiangSupod

ดูบทความผู้เขียน

เลขาสาวผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยว อาหาร และวัฒนธรรมญี่ปุ่น จบปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์-ปริญญาโทรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
เคยอาศัยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และได้เดินทางไปทำงานและไปท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นบ่อยๆ ทำให้มีเพื่อนทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่นทุกเพศทุกวัย
ปัจจุบันเป็นเลขานุการผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง

ถูกใจ แชร์เลย

บทความที่เกี่ยวข้อง

ผลิตภัณฑ์เขียนคิ้ว canmake ใช้ง่ายไม่ปลิง ในราคา 600 เยน

มาลองใช้ผงล้างหน้า “Suisai Beauty Clear Powder” by Kanebo กันค่ะ

แนะนำสินค้าหมูป่าและเรื่องราวของหมูป่ารับปีหมูญี่ปุ่น

ยาสีฟันพีเจ้นแบบโฟมที่ทำความสะอาดช่องปากของลูกน้อยได้ทุกซอกทุกมุม

น่ารักมุ้งมิ้ง! กระเป๋ารูปนากนอนฟินฝันดี ใส่ดินสอก็ได้ ใช้เป็นที่รองแขนเวลาเล่นคอมก็ดี

CEZANNE Highlight Stick/Shading Stick ใหม่ล่าสุด

“Juicy Pure Eyes” จาก CANMAKE อายแชโดว์ให้ลุ๊คฉ่ำวาว

เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว! มาสคอตโอลิมปิก 2020 ที่ญี่ปุ่น

ได้เวลาเทศกาลฮานามิแล้ว