สนามบินนาริตะ-โตเกียวสเตชั่น โดย Keisei Bus ราคา 1,000 เยนเท่านั้น !!

สนามบินนาริตะ-โตเกียวสเตชั่น โดย Keisei Bus ราคา 1,000 เยนเท่านั้น !!

Credit: ผู้เขียน

เดินทางเข้าโตเกียวโดยรถบัส Keisei Bus ในราคา เพียง 1,000 เยนเท่านั้น เหมาะมากสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายแบบสุดๆ เราขอแนะนำการเดินทางจากสนามบินนาริตะ Terminal 2 สู่ใจกลางกรุงโตเกียว ลงที่ป้ายรถเมล์ใกล้กับสถานีรถไฟโตเกียวเลยค่ะ ในราคาตั๋วรถบัส Keisei Bus บัสเพียงแค่ 1,000 เยน ก็ประมาณ 300 กว่าบาทนิดๆ เองนะคะ เรียกว่าคุ้มค่าคุ้มราคา แต่อาจจะใช้เวลามากกว่านั่งรถไฟนิดหน่อยค่ะ (1 ชั่วโมง 30 นาที)

Credit: ผู้เขียน

ขอเริ่มการเดินทางตั้งแต่ลงเครื่องเลยนะคะ ให้เดินตามป้าย Arrivals เรื่อยๆ มา

Credit: ผู้เขียน

ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง (เขียนใบ Customs ให้พร้อมตั้งแต่บนเครื่องเลยนะคะ จะได้ไม่เสียเวลา) รับกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาสวยๆ

Credit: ผู้เขียน

หาป้ายคำว่า BUS และไปตามแผนผังนะคะ ถ้าเกิดไม่มั่นใจจะมีเคาน์เตอร์ Tourist Information อยู่บริเวณทางออกจากที่รับกระเป๋า

Credit: ผู้เขียน

ค่อยๆ ลากกระเป๋าออกมาไม่ต้องรีบ เดี๋ยวสะดุด แล้วก็เดินไปทางซ้ายมือ ไม่ไกลนัก ก็จะเจอเคาน์เตอร์ขายตั๋วรถบัสของ Keisei Bus อยู่ทางขวามือของเราค่ะ ส่วนใหญ่จะมีนักท่องเที่ยวยืนต่อแถวซื้อตั๋วรถบัสกันอยู่แล้วนะคะ ก็เดินต่อแถวเลยค่ะ

Credit: ผู้เขียน

เมื่อไปถึงคิวซื้อตั๋ว ก็แจ้งเจ้าหน้าที่ว่า “Tokyo Station / 2 passengers” เราซื้อตั๋วให้ตัวเองและเพื่อนเราอีก 1 คนค่ะ รวมเป็นว่าซื้อตั๋ว 2 ใบ จ่ายไป 2,000 เยนถ้วน เจ้าหน้าที่ก็จะบอกเที่ยวรถ ในเวลาที่เร็วที่สุดให้นะคะ จะได้ไม่รอนาน แล้วถามว่าเราโอเคไหมสำหรับเวลานี้ ได้ตั๋วมามีหมึกแดงวงเวลาออกให้ 2 ทุ่ม 25 นาที และบอกว่าเราจะต้องไปยืนรอที่ป้ายรถเมล์ Number อะไร สำหรับรถบัสเที่ยวที่เราจะนั่งไปลงตรงป้ายรถบัสโตเกียวสเตชั่น ก็จะต้องออกไปยืนรอที่ป้ายหมายเลข 19

Credit: ผู้เขียน

ป้ายรถบัสหมายเลข 19 อยู่ตรงไหนนะ มาดูกันค่ะ เมื่อได้ตั๋วมาแล้ว หลังจากนั้นเราก็มาดูแผนผังตรงเคาน์เตอร์ขายตั๋วกันเลย เห็นเลข 19 มั้ยคะ บรรทัดที่ 2 สำหรับขึ้นไป Tokyo Sta.

Credit: ผู้เขียน

ให้เดินออกไปจากประตูทางออกหมายเลข 3 ใกล้กับเคาน์เตอร์ขายตั๋วรถบัส Keisei Bus

Credit: ผู้เขียน

ออกมาเจอป้ายรถบัส หมายเลข 18 ก่อนนะคะ และถัดไปก็คือหมายเลข 19 มีผู้โดยสารยืนต่อแถวรอกันยาวอยู่พอสมควรแล้วค่ะ

Credit: ผู้เขียน

เดินลากกระเป๋าไปยืนต่อแถวด้วยเลย แล้วนำกระเป๋าไปวางเรียงกันตามคนอื่นเค้าเลยค่ะ จะมีพนักงาน Keisei Bus หนุ่มหล่อคนสองคน นำป้ายมาติดกระเป๋าให้เราพร้อมหางตั๋วกระเป๋าให้เราเก็บเอาไว้

Credit: ผู้เขียน

ยืนรอสักพักเดียว ก่อนเวลาออก 10-15 นาที รถบัสสีเขียวอมฟ้าแบบนี้ก็จะมาจอด มีตัวหนังสือข้างรถบอกว่าไปไหนไว้ด้วยค่ะ

Credit: ผู้เขียน

พนักงานก็จะยกกระเป๋าเราขึ้นไปวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ

Credit: ผู้เขียน

ตอนที่พนักงานจัดวางเรียงกระเป๋าใต้ท้องรถ ประตูรถยังไม่เปิดให้ขึ้นนะคะ เราก็ยืนรอต่อไป ให้กำลังใจน้องหนุ่มๆ สู้ๆ นะทาเคชิ!

Credit: ผู้เขียน

พอใกล้เวลารถออก เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วก็จะขอดูตั๋วก่อนเดินขึ้นรถไปตามลำดับค่ะ จะเห็นว่าตั๋วไม่มีบอกเลขที่นั่งนะคะ

Credit: ผู้เขียน

เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วก่อนขึ้นบัส

Credit: ผู้เขียน

แล้วก็คืนหางตั๋วให้เรามาค่ะ เก็บไว้ก่อนนะคะอย่าเพิ่งทิ้ง ถ้าจำไม่ผิดตอนลงเจ้าหน้าที่ขอดูอีกทีค่ะ

Credit: ผู้เขียน

บรรยากาศภายในบัส Keisei Bus ค่ะ เห็นได้ว่าคนนั่งเกือบเต็มหมดทุกที่นั่งเลยนะคะ ด้วยความที่ไม่มีเลขที่นั่งบอก เราเลยเดินมาท้ายๆ เพราะต้องการนั่งคู่กันกับเพื่อนค่ะ เหนือที่นั่งมีชั้นวางสัมภาระ พอนั่งเรียบร้อยก็คาดเบลท์ด้วยนะคะ อย่าลืมค่ะ

จุดที่เราเลือกลงคือ Tokyo Station เพื่อนๆ หลายคนก็อาจจะนึกไม่ออกว่าตรงไหน เพราะเคยแต่นั่งรถไฟกัน เอาเป็นว่าง่ายๆ คือป้ายรถบัส Keisei Bus อยู่เยื้องๆ กับห้างไดมารุ สถานีรถไฟที่ใกล้ เดินง่ายๆ ก็คือ Nihombashi Sta. ค่ะ ตามแผนที่เลยค่ะ

Credit: ผู้เขียน

รถบัสใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 30 นาที ก็มาถึงป้าย Tokyo Sta. ที่เราจะต้องลงแล้วนะคะ

Credit: ผู้เขียน

เมื่อลงรถบัสแล้ว ก็นำหางตั๋วกระเป๋าสัมภาระไปยืนต่อแถวรับกระเป๋าค่ะ

Credit: ผู้เขียน

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะลงที่ป้ายนี้กันนะคะ คึกคักกันเลยค่ะ มีทั้งฝรั่ง คนจีน คนไทย รวมถึงคนญี่ปุ่นเองด้วยค่ะ

Credit: ผู้เขียน

จากนั้นก็แยกย้ายกันไปต่อตามจุดหมายปลายทาง สำหรับเราจองที่พักไว้แถวๆ สถานีรถไฟ Kudanshita Sta. เราจึงเดินไปที่สถานี Nihombashi Sta. แล้วนั่งรถไฟไปอีก 2 สถานีก็ถึงแล้วค่ะ

สรุปข้อดีของการนั่งรถบัส Keisei Bus จากสนามบินนาริตะสู่เมืองโตเกียว อันดับแรกเลยนะคะคือราคาถูกค่ะ แค่ 1,000 เยนเองค่ะ (รถไฟตั๋วแพงกว่าแล้วแต่ประเภทตั๋ว/รถไฟ แต่เร็วกว่าประมาณ 30-45 นาที) และไม่ต้องลาก-ยกกระเป๋าวุ่นวาย คือเดินมาขึ้นรถบัสก็มีคนยกกระเป๋าขึ้นลงรถบัสให้สวยๆ ถ้ารถไฟต้องลากเอง กระเป๋าใบใหญ่ไม่สะดวก แต่รถบัสจะใช้เวลานานกว่าและในกรณีช่วงนักท่องเที่ยวเยอะมากๆ อาจจะต้องรอรถนานค่ะ ทำให้เสียเวลาเที่ยวและควบคุมเวลาในทริปยาก สามารถเข้าไปดูรายละเอียดรถบัส Keisei Bus ได้ตามลิงค์เลยค่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดูบทความที่เกี่ยวข้อง

About the author

riangsupod-profile_pic_image

RiangSupod

ดูบทความผู้เขียน

เลขาสาวผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยว อาหาร และวัฒนธรรมญี่ปุ่น จบปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์-ปริญญาโทรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
เคยอาศัยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และได้เดินทางไปทำงานและไปท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นบ่อยๆ ทำให้มีเพื่อนทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่นทุกเพศทุกวัย
ปัจจุบันเป็นเลขานุการผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง

ถูกใจ แชร์เลย

บทความที่เกี่ยวข้อง

KATE LASH MAXIMIZER BASE : มาสคาร่าเบสเพื่อคงความโค้งงอนให้นานขึ้น

เป็ดน้อย กำลังจะครองเมือง ครองใจสาวๆ

มาลองใช้ผงล้างหน้า “Suisai Beauty Clear Powder” by Kanebo กันค่ะ

ลองเลียนแบบเก็บของให้เป็นระเบียบตามคนญี่ปุ่น ดูซิว่ามีอุปกรณ์ช่วยเก็บอะไรบ้าง

ของเล่นพื้นบ้านญี่ปุ่นเป็นของฝากได้

KOSÉ : Suncut UV Protect Gel SPF50+ PA++++เจลกันแดดบางเบาสดชื่น

หนังสืออ่านเล่น เนื้อหาเบาๆ

Cezanne Volume Lip :ลิปแคร์สูตรเย็น

ไอเท็มเด็ด! ร่มกระดาษแฮนด์เมดทรงซากุระดีไซน์เก๋ ต้นแบบร่มที่มอบให้ Emily Blunt จากเรื่อง Mary Poppins รอบปฐมทัศน์ที่ญี่ปุ่น