ทำไมชื่อ “อากิฮาบาระ” (Akihabara) ถึงได้ย่อเป็น Akiba? เหตุผลทางประวัติศาสตร์อาจทำให้ใครหลายคนอาจประหลาดใจ

ทำไมชื่อ “อากิฮาบาระ” (Akihabara) ถึงได้ย่อเป็น Akiba? เหตุผลทางประวัติศาสตร์อาจทำให้ใครหลายคนอาจประหลาดใจ

ใครๆ ก็หลงรักและชื่นชอบ “อากิฮาบาระ” ย่านที่มีชื่อเสียงในกรุงโตเกียวที่ได้รับขนานนามว่าเป็น “เมืองอิเล็กทรอนิกส์อากิฮาบาระ” ที่ไม่ได้มีแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น

แต่ยังเต็มไปด้วยวัฒนธรรมในแบบญี่ปุ๊น ญี่ปุ่นที่มีให้เห็นในแบบของ อนิเมะ มังงะ เกมส์โอตาคุ สินค้าคอสเพลย์ โมเดลต่างๆ รวมถึงร้านรวงสารพัด และเมดคาเฟ่ (maid cafes) อันโด่งดัง

ชาวญี่ปุ่นมักจะเรียนย่านนี้กันสั้นๆ ว่า “อากิบะ” (アキバ Akiba) เคยนึกสงสัยไหมคะว่าทำไมถึงไม่เลือกที่จะตัดส่วนท้ายหรือ – bara ออกไปแล้วเรียกว่า Akiha แทนซึ่งน่าจะฟังดูเข้าท่าเสียมากกว่า

ก่อนศตวรรษที่ 20 ญี่ปุ่นมักจะมีปัญหาไฟไหม้อยู่เนืองๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองหลวงเอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน) นั่นก็เพราะสิ่งปลูกสร้างทั้งหลายทำจากไม้ อีกทั้งยังก่อสร้างขึ้นติดๆ กันอย่างแน่นหนา ไฟจึงลุกลามไปอย่างรวดเร็ว

 

この投稿をInstagramで見る

 

🌊 KIYOSHI 潔(@k.i.y.o.s.h.i._.328)がシェアした投稿


หากลองนับดูกับเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นที่เมืองหลวงเอโดะช่วงปี ค.ศ. 1600-1855 ก็เกิดขึ้นไม่ต่ำกว่า 14 ครั้งเลยทีเดียว จนกลายเป็นที่มาของวลีที่ว่า “ไฟไหม้และการทะเลาะเบาะแว้ง คือดอกไม้แห่งเอโดะ”
จนกระทั่งมาถึงรัฐบาลเมจิในปี ค.ศ 1889 เห็นว่าความสูญเสียนั้นมากพอแล้ว จึงได้ตั้งพื้นที่แห่งหนึ่งขึ้นใน เมืองเอโดะและให้ชื่อเรียกว่า Chinkabara (ปัจจุบันคือ “อากิฮาบาระ”) ทั้งนี้ก็เพราะต้องการให้เป็น “พื้นที่ปลอดไฟไหม้”
ด้านล่างนี้เป็นภาพพื้นที่อากิฮาบาระ ตั้งแต่ปี 1889 ซึ่งดูแล้วเหมือนว่าไมน่าจะเป็นพื้นที่ป้องกันไฟได้เสียเท่าไหร่นัก

เพื่อเป็นการเสริมความปลอดภัยให้มากขึ้น ก็ได้อัญเชิญเทพเจ้าผู้ปกป้องอัคคีของญี่ปุ่น (Akiba Daigongen) ซึ่งได้ย้ายมาจาก Enshu (ปัจจุบันคือ Shizuoka) ให้มาประดิษฐานในที่แห่งใหม่
และชื่อของเทพเจ้าผู้ปกป้องอัคคี Akiba Daigongen นี้เอง ที่นอกจากจะหมายถึง ใบไม้สีแดง (ในฤดูใบไม้ร่วง) ซึ่งเมื่อแปลเป็นภาษาที่สละสลวยจะมีความหมายเดียวกับ “ไฟ” และนี่เองคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนชื่อเป็น “อากิบะ”

เนื่องจากที่ตั้งนี้ชื่อว่า Chinkabara และศาลเจ้าที่สร้างเป็นที่ประทับของเทพนั้นเดิมทีเรียกว่า Chinka Jinja (Chinka Shrine) แต่ชื่อของเทพนั้นคือ Akiba ผู้คนก็เลยเรียกกันว่า Akiba Jinja หรือศาลเจ้าอากิบะ สุดท้ายชื่อของวัดก็เลยเปลี่ยนจาก Chinka ไปเป็น Akiba แล้วผู้คนก็เรียกพื้นที่นั่นว่า อากิบะ จวบจนถึงทุกวันนี้

“อะกิบะ” ที่เคยเป็นชื่อของไฟ วัด และเทพผู้ป้องกันอัคคี ในวันนี้เมื่อพูดถึงอากิบะ นี่คือภาพที่ใครๆ ต่างก็นึกถึง

ดูบทความที่เกี่ยวข้อง

About the author

oraphan_image

ออ

ดูบทความผู้เขียน

ชอบเรียนภาษา ดูหนังและชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ เป็นครูสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติและปัจจุบันนักเรียนส่วนใหญ่ก็เป็นคนญี่ปุ่นเลยได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันกับชาวญี่ปุ่นเกือบทุกวัย นอกจากนี้ ก็เป็นคนเขียนบทประจำให้กับรายการ DID YOU KNOW…? และมีเพจภาษาอังกฤษบนเฟสบุ๊ค

https://www.facebook.com/English-in-the-Air-227307993959056/

ถูกใจ แชร์เลย

บทความที่เกี่ยวข้อง

15 ไอเท็มจากญี่ปุ่น “น่าซื้อให้แม่”

ขายดี! เรียนคันจิกับเซนเซย์ “อุนโกะ” กับประโยคที่เต็มไปด้วย “อึ” ทั้งเล่ม

Meg-Rhythm Steam Eye Mask : แผ่นปิดตาอุ่นๆ กลิ่นลาเวนเดอร์ ช่วยผ่อนคลายและนอนหลับง่ายสบาย

เห็นแล้วกรี๊ดกับเซ็ทเครื่องสำอาง Barbapapa!!

สุดยอดหุ่นยนต์5สหายประจัญบาญจาก Toy story!!

Jellykiss Tint Lip ลิปสติกแท่งใสดุจดอกไม้ในแจกันแก้ว

กาชาปองแนวๆ รูปแมวเหมียว สำหรับวางฝาขวด เป็นของโชว์บนโต๊ะก็แจ่ม

Missha magic cushion moisture SPF50+/PA+++ คุชชั่นยอดฮิตในประเทศญี่ปุ่น

น่ารักมุ้งมิ้ง! กระเป๋ารูปนากนอนฟินฝันดี ใส่ดินสอก็ได้ ใช้เป็นที่รองแขนเวลาเล่นคอมก็ดี