ขึ้น Taxi…แท็กซี่ที่ญี่ปุ่นอย่างไร 2018/09/01 ขึ้น Taxi…แท็กซี่ที่ญี่ปุ่นอย่างไร 2018/09/01 Credit: ผู้เขียน ใครเคยเดินเที่ยวที่ญี่ปุ่นแล้วเท้าพัง…ไม่ไหวจริงๆ ปวดขาร้าวไปถึงตับ จะเรียกแท็กซี่ก็กล้าๆ กลัวๆ ไม่เคยนั่งเลย พูดภาษาญี่ปุ่นก็ไม่ได้ แล้วจะบอกจุดหมายปลายทางว่าไปที่ไหนอย่างไรดี คราวนี้เลยพาเพื่อนๆ มาลองนั่งแท็กซี่กันค่ะ…บอกก่อนว่าที่ประเทศญี่ปุ่นแแท็กซี่จะจอดรอผู้โดยสารตามสถานีรถไฟ หรือโบกเรียกได้ตามท้องถนน (แต่ยากค่ะ แนะนำให้ไปตามจุดเรียกแท็กซี่ดีกว่า) รถแท็กซี่ของญี่ปุ่นจะมีหลายสี หลายบริษัทค่ะ เวลาจะดูว่ารถคันไหนว่าง ให้สังเกตหน้ากระจกรถ จะมีไฟว่า “空車 : ku-sha (ว่าง)” โบกเรียกได้เลยค่ะ ส่วนรถแท็กซี่ที่ขึ้นไฟว่า “貸切 : chinso (ไม่ว่าง)” ก็จะเป็นคันที่มีผู้โดยสารแล้วค่ะ Credit: ผู้เขียน แต่ถ้าเปิดประตูรอแบบนี้แสดงว่าว่างแน่นอน กระโดดสวอนเลคขึ้นนั่งได้เลยค่ะ โดยประตูหลังคนขับด้านซ้ายจะเปิด-ปิดอัตโนมัติ เราไม่ต้องช่วยปิดนะคะ (แต่เราก็เผลอปิดไปดังปัง…คนขับต้องกดปุ่มให้มันเปิด-ปิดเองใหม่อีกรอบ อายมากเลย) ดังนั้น ระวังอย่าไปยืนใกล้ๆ ประตู หรือยื่นไม้ยื่นมืออาจเกิดอันตรายได้ (สำหรับประตูด้านอื่นๆ เปิดปิดปรกติค่ะ) Credit: ผู้เขียน วิธีการบอกคนขับว่าจะไปไหน เราบอกชื่อสถานที่ก่อนค่ะ แล้วทางคนขับ Taxi จะขอดูที่อยู่หรือเบอร์โทรศัพท์ของสถานที่ที่จะไปเพื่อกด GPS นำทาง ไม่หลงแน่นอน สำหรับเราง่ายมากเลย แค่ยื่นมือถือให้คนขับดูจุดที่เราจะไปผ่าน Google Map (เปิด Internet มาจากไทยค่ะ) คนขับก็จะเข้าใจและสามารถพาเราไปยังจุดหมายปลายทางได้เลย Credit: ผู้เขียน อัตราค่ารถแท็กซี่ก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละบริษัทค่ะ จากประสบการณ์ตรงที่เราเคยนั่งจาสถานีชิบุย่าไปโรงแรม ระยะทาง 2 กม. อยู่ที่ประมาณ 400-500 เยนค่ะ โดยจะมีอัตราค่ารถแสดงให้เห็นหน้าจอข้างๆ คนขับแบบเดียวกับในประเทศไทย เราสามารถขอใบเสร็จได้ด้วย จะจ่ายเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตก็ได้ค่ะ (รับบัตรเครดิตบางคัน ดูสติ๊กเกอร์สัญลักษณ์ข้างหน้าต่างรถ) สำหรับสัมภาระและกระเป๋าเดินทาง เราก็จะต้องขอให้คนขับเปิดท้ายรถให้ บางคันก็จะใจดีลงมายกขึ้น-ลงให้ด้วย แต่ส่วนใหญ่เราต้องยกใส่ท้ายกระโปรงหลังรถเองค่ะ สำหรับการพูดคุยกับคนขับรถ เราเคยเจอทั้งที่ไม่คุยอะไรกับเราเลย เคยเจอแบบที่ชวนคุยว่ามาเที่ยวครั้งแรกเหรอ มาทำอะไร มาจากไหน เป็นคนชาติอะไร (กรณีนั่งแท็กซี่นานๆ จากสนามบิน มีเวลาสนทนา) แบบ เปิดเพลง/วิทยุ หรือเงียบๆ เลยก็มีค่ะ (มีกระจกกั้นไว้ระหว่างคนขับกับผู้โดยสาร) เอาเป็นว่าแท็กซี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ขอแนะนำในวันที่เราอ่อนล้าหมดแรง โบกแท็กซี่กลับโรงแรมในระยะทางใกล้ๆ ก็สบายดีนะคะ ดูบทความที่เกี่ยวข้อง About the author RiangSupod ดูบทความผู้เขียน เลขาสาวผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยว อาหาร และวัฒนธรรมญี่ปุ่น จบปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์-ปริญญาโทรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เคยอาศัยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และได้เดินทางไปทำงานและไปท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นบ่อยๆ ทำให้มีเพื่อนทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่นทุกเพศทุกวัย ปัจจุบันเป็นเลขานุการผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง คิดถูกใจ Komachi JAPAN ถูกใจ แชร์เลย
ใครเคยเดินเที่ยวที่ญี่ปุ่นแล้วเท้าพัง…ไม่ไหวจริงๆ ปวดขาร้าวไปถึงตับ จะเรียกแท็กซี่ก็กล้าๆ กลัวๆ ไม่เคยนั่งเลย พูดภาษาญี่ปุ่นก็ไม่ได้ แล้วจะบอกจุดหมายปลายทางว่าไปที่ไหนอย่างไรดี คราวนี้เลยพาเพื่อนๆ มาลองนั่งแท็กซี่กันค่ะ…บอกก่อนว่าที่ประเทศญี่ปุ่นแแท็กซี่จะจอดรอผู้โดยสารตามสถานีรถไฟ หรือโบกเรียกได้ตามท้องถนน (แต่ยากค่ะ แนะนำให้ไปตามจุดเรียกแท็กซี่ดีกว่า)
รถแท็กซี่ของญี่ปุ่นจะมีหลายสี หลายบริษัทค่ะ เวลาจะดูว่ารถคันไหนว่าง ให้สังเกตหน้ากระจกรถ จะมีไฟว่า “空車 : ku-sha (ว่าง)” โบกเรียกได้เลยค่ะ ส่วนรถแท็กซี่ที่ขึ้นไฟว่า “貸切 : chinso (ไม่ว่าง)” ก็จะเป็นคันที่มีผู้โดยสารแล้วค่ะ
แต่ถ้าเปิดประตูรอแบบนี้แสดงว่าว่างแน่นอน กระโดดสวอนเลคขึ้นนั่งได้เลยค่ะ โดยประตูหลังคนขับด้านซ้ายจะเปิด-ปิดอัตโนมัติ เราไม่ต้องช่วยปิดนะคะ (แต่เราก็เผลอปิดไปดังปัง…คนขับต้องกดปุ่มให้มันเปิด-ปิดเองใหม่อีกรอบ อายมากเลย) ดังนั้น ระวังอย่าไปยืนใกล้ๆ ประตู หรือยื่นไม้ยื่นมืออาจเกิดอันตรายได้ (สำหรับประตูด้านอื่นๆ เปิดปิดปรกติค่ะ)
วิธีการบอกคนขับว่าจะไปไหน เราบอกชื่อสถานที่ก่อนค่ะ แล้วทางคนขับ Taxi จะขอดูที่อยู่หรือเบอร์โทรศัพท์ของสถานที่ที่จะไปเพื่อกด GPS นำทาง ไม่หลงแน่นอน สำหรับเราง่ายมากเลย แค่ยื่นมือถือให้คนขับดูจุดที่เราจะไปผ่าน Google Map (เปิด Internet มาจากไทยค่ะ) คนขับก็จะเข้าใจและสามารถพาเราไปยังจุดหมายปลายทางได้เลย
อัตราค่ารถแท็กซี่ก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละบริษัทค่ะ จากประสบการณ์ตรงที่เราเคยนั่งจาสถานีชิบุย่าไปโรงแรม ระยะทาง 2 กม. อยู่ที่ประมาณ 400-500 เยนค่ะ โดยจะมีอัตราค่ารถแสดงให้เห็นหน้าจอข้างๆ คนขับแบบเดียวกับในประเทศไทย เราสามารถขอใบเสร็จได้ด้วย จะจ่ายเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตก็ได้ค่ะ (รับบัตรเครดิตบางคัน ดูสติ๊กเกอร์สัญลักษณ์ข้างหน้าต่างรถ) สำหรับสัมภาระและกระเป๋าเดินทาง เราก็จะต้องขอให้คนขับเปิดท้ายรถให้ บางคันก็จะใจดีลงมายกขึ้น-ลงให้ด้วย แต่ส่วนใหญ่เราต้องยกใส่ท้ายกระโปรงหลังรถเองค่ะ สำหรับการพูดคุยกับคนขับรถ เราเคยเจอทั้งที่ไม่คุยอะไรกับเราเลย เคยเจอแบบที่ชวนคุยว่ามาเที่ยวครั้งแรกเหรอ มาทำอะไร มาจากไหน เป็นคนชาติอะไร (กรณีนั่งแท็กซี่นานๆ จากสนามบิน มีเวลาสนทนา) แบบ เปิดเพลง/วิทยุ หรือเงียบๆ เลยก็มีค่ะ (มีกระจกกั้นไว้ระหว่างคนขับกับผู้โดยสาร) เอาเป็นว่าแท็กซี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ขอแนะนำในวันที่เราอ่อนล้าหมดแรง โบกแท็กซี่กลับโรงแรมในระยะทางใกล้ๆ ก็สบายดีนะคะ
About the author
RiangSupod
เลขาสาวผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยว อาหาร และวัฒนธรรมญี่ปุ่น จบปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์-ปริญญาโทรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
เคยอาศัยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และได้เดินทางไปทำงานและไปท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นบ่อยๆ ทำให้มีเพื่อนทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่นทุกเพศทุกวัย
ปัจจุบันเป็นเลขานุการผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง
คิดถูกใจ