ชอบเรียนภาษา ดูหนังและชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ เป็นครูสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติและปัจจุบันนักเรียนส่วนใหญ่ก็เป็นคนญี่ปุ่นเลยได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันกับชาวญี่ปุ่นเกือบทุกวัย นอกจากนี้ ก็เป็นคนเขียนบทประจำให้กับรายการ DID YOU KNOW…? และมีเพจภาษาอังกฤษบนเฟสบุ๊ค
ปกติแล้วเวลาไปเที่ยวต่างประเทศที่เวลาแสนจะจำกัดคงไม่มีใครใส่ “สุสาน” ลงไปในรายการท่องเที่ยวแน่ๆ ยิ่งถ้าต้องเดินทางไกลๆ เพื่อไปเยี่ยมชมด้วยแล้วคงเซย์โนกันหมด
แต่สุสาน Makomanai Takino เป็นหนึ่งในสถานที่อันงดงาม มีมนต์ขลังและทรงพลังมากแห่งหนึ่งที่เราอาจไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก สุสานแห่งนี้ตั้งอยูที่เมืองซัปโปโรทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น
เราสามารถมองเห็นรูปปั้นพระพุทธรูปหินขนาดใหญ่ ความสูง 13.5 เมตร น้ำหนัก 1,500 ตันตั้งตระหง่านท่ามกลางทิวทัศน์ธรรมชาติอันงดงาม รูปปั้นแกะสลักนี้เดิมทีตั้งอยู่แบบโดดๆ (ตามรูปด้านบน) มานานถึง 15 ปี
แต่ไม่นานมานี้ทางสุสานต้องการทำอะไรสักอย่างเพื่อทำให้รูปปั้นพระพุทธดูโดดเด่นและดึงความสนใจของผู้มาเยี่ยมชมให้มากขึ้น
ก็เลยขอให้สถาปนิก “ทะดะโอะ อันโด” (Tadao Ando) มาช่วยออกแบบและก็ได้เปิดตัวไปเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2558 ที่ผ่านมา
ไอเดียที่เขาเสนอคือ การซ่อนองค์พระพุทธรูปตั้งแต่ใต้พระเศียรพระพุทธรูปลงมาให้ดูเหมือนว่ามีเนินทุ่งลาเวนเดอร์ปกคลุมอยู่หากมองจากระยะไกล ก็เลยให้ชื่อสถานที่แห่งนี้ว่า “Hill of Buddha” หรือเนินเขาแห่งพระพุทธเจ้า
จากภาพเราจะเห็นแค่ส่วนบนของพระเศียรพระพุทธรูปซึ่งก็จะปกคลุมไปด้วยลาเวนเดอร์กว่า 150,000 ต้น และไม่ว่าเราจะไปเยี่ยมชมฤดูกาลใดก็ตาม ก็จะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ต่างไป
ฤดูใบไม้ผลิก็จะรู้สึกได้ถึงความเขียวจี ช่วงซัมเมอร์ก็จะเห็นเป็นทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงอ่ออนๆ ฤดูหนาวที่หิมะตกก็จะเห็นเนินเป็นพรมสีขาว เรียกได้ว่าเป็นศิลปะที่รังสรรค์ด้วยธรรมชาติอย่างแท้จริง
นักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปกราบไหว้สักการะก็จะต้องเดินผ่านสระน้ำสี่เหลี่ยมผืนผ้านี้ก่อนจะไปทางซ้ายหรือขวาก็ได้ จากนั้นทางก็จะนำเราเข้าไปในส่วนที่เป็นอุโมงค์ที่มีความยาว 40 เมตร
การดีไซน์ให้เดินผ่านอุโมงค์ก่อนไปถึงองค์พระพุทธรูปก็เปรียบเสมือนการเดินทางจากที่มืดไปสู่แสงสว่าง พอเดินไปถึงองค์พระพุทธรูปแล้วแหงนหน้ามองขึ้นไปก็จะเห็นเหมือนพระรัศมีเปล่งแสงเหนือพระเศียรของพระพุทธเจ้า
ขอเสริมเรื่องของแนวความคิดในการออกแบบของ อันโด จากวิกิพีเดียนะคะ เขาจะเน้นเรื่องความสัมพันธ์ของมนุษย์กับธรรมชาติโดยใช้ระบบสัญลักษณ์เชิงปรัชญา เช่น การให้แสงเป็นตัวแทนของธรรมชาติ
เวลาเปิดทำการ
– เมษายน – ตุลาคม เวลา 9.00 น.-16.00 น.
– พฤศจิกายน – มีนาคม เวลา 10.00 น.-3.00 น.
ปิดบริการ
วันสิ้นปี, วันหยุดปีใหม่ และวันบำรุงรักษา
ค่าเข้า
คนละ 300 เยน
วิธีการเดินทาง
ขึ้นรถบัส Sapporo Chuo Bus 102
ออกจากสถานี: สถานี Makomanai No. 2
ตารางรถบัส
ขอบคุณข้อมูลจาก
About the author
ออ
ชอบเรียนภาษา ดูหนังและชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ เป็นครูสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติและปัจจุบันนักเรียนส่วนใหญ่ก็เป็นคนญี่ปุ่นเลยได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันกับชาวญี่ปุ่นเกือบทุกวัย นอกจากนี้ ก็เป็นคนเขียนบทประจำให้กับรายการ DID YOU KNOW…? และมีเพจภาษาอังกฤษบนเฟสบุ๊ค
https://www.facebook.com/English-in-the-Air-227307993959056/
คิดถูกใจ