ไปเที่ยวฟูจิแบบเช้าเย็นกลับด้วยวิธีไหนดี? 2018/07/25 ไปเที่ยวฟูจิแบบเช้าเย็นกลับด้วยวิธีไหนดี? 2018/07/25 มีแพลนจะไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นทั้งที เราจะต้องไม่พลาดภูเขาไฟฟูจิ เพราะเดือนกรกฎาคมของทุกปีเป็นเดือนแรกที่เริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถปีนขึ้นไปชมวิวได้ถึงยอดภูเขาไฟนั่นเอง แต่สาวไทยตัวเล็กแบบเราคงไม่ลุยขนาดนั้น เอาแค่ไปถึง Mt.Fuji 5th Station หรือฟูจิชั้น 5 ก็พอ สถานที่ที่เราอยากไปรอบนี้มีทั้งลาเวนเดอร์ริมทะเลสาบคาวากุจิโกะ ถ้ำน้ำแข็งนารุซาว่า โกเทมบะ outlet ซึ่งเรามาเที่ยวญี่ปุ่นรอบนี้ก็อยากจะเก็บสถานที่ที่อยากไปให้ครบ โดยจัดเป็น one day trip เที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับออกสตาร์ทที่โตเกียว และคราวนี้เรากับเพื่อนพักโรงแรมแถวสถานีชินจูกุก็เลยลองค้นหาวิธีการเดินทางจากสถานีชินจูกุดู เราสามารถเดินทางได้ 4รูปแบบ ได้แก่ รถโดยสารประจำทาง(รถบัส) บัสทัวร์ รถแท๊กซี่(เหมา) และ “Justavi” เลยลองเอาทั้ง 4 วิธีมาเปรียบเทียบกันดู แบบที่ 1 คือการเดินทางด้วยรถบัส จากที่ลองค้นดูพบว่ามีรถบัสไปฟูจิชั้น5 อยู่หลายบริษัทด้วยกัน หลักๆคือเดินทางประมาณ 2ชั่วโมง25นาที กับค่าโดยสารประมาณ 2,700 เยน จากตารางเวลาเดินรถถ้าขึ้นรอบเช้าสุด 6.45 จากชินจูกุ จะไปถึง ฟูจิชั้น 5 ประมาณ 9.20 แต่พอลองดูตารางรถบัสขากลับก็พบว่ามีรอบที่เป็นไปได้มากที่สุดที่จะลงจากฟูจิชั้น 5 มาที่สถานีคาวากุจิโกะคือรอบ 11.40 (https://www.japan-guide.com/bus/fuji.html)และกว่าจะถึงสถานีคาวากุจิโกะก็ 12.25 ซึ่งก็เป็นเวลาทานอาหารกลางวัน กว่าจะกินข้าว กว่าจะเดินทางไปดูทุ่งลาเวนเดอร์ต่อก็หมดวันพอดี ย้อนไปย้อนมามากมาย เพราะถ้าไม่กลับมาที่สถานีคาวากุจิโกะก็จะไม่สามารถเดินทางไปไหนต่อได้ ซึ่งยังไม่ทันได้ไปถ้ำน้ำแข็งกับoutletเลย เกิดไปไม่ทันรถเที่ยวที่จะขึ้นก็ต้องรอรอบต่อไปซึ่งก็จะเสียเวลาไปอีก ราคาถูกก็จริงแต่ก็เสียเวลามาก เป็นไปได้ยากที่จะไปให้ครบทุกที่ภายใน 1วัน ฉะนั้นเราตัดตัวเลือกรถบัสไปเลย แบบที่ 2 ตัวเลือกต่อมาคือไปบัสทัวร์ ซึ่งพอลองค้นหาดูก็เจอแต่บัสทัวร์ที่กำหนดไว้หมดแล้วทั้งสถานที่ที่จะไป อาหารที่จะกิน แค่นี้ไม่พอเรายังไม่รู้ว่าตัวเองต้องไปเจอกับนักท่องเที่ยวชาติไหนอีก ค่าบริการต่อคนราคาถูกก็จริงแต่ว่าไม่สามารถไปที่ที่เราอยากไปได้ทั้งหมด เป็นอันว่าบัสทัวร์ถูกตัดออกจากตัวเลือกไปอย่างง่ายดาย แบบที่ 3 ต่อมาตัวเลือกที่สามคือเดินทางด้วยรถแท็กซี่ ถ้าพูดถึงแท็กซี่เรียกได้ว่าไม่ว่าประเทศไหนๆก็ต้องกังวลกับค่าบริการเป็นอันดับแรก ประเทศญี่ปุ่นเองก็เช่นกัน แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็ยังไม่ค่อยมีใครใช้บริการถ้าไม่จำเป็นจริงๆอย่างเช่น ตกรถไฟ รถไฟหมดกลับบ้านไม่ทัน คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็จะนั่งรถไฟไปให้ใกล้บ้านที่สุดแล้วจึงต่อแท็กซี่กลับบ้าน แต่ถ้าเราลองใช้บริการรถแท็กซี่ในระยะทางไกลจะเป็นอย่างไร? อย่างแรกเราลองค้นหาผู้ให้บริการแท็กซี่ในประเทศญี่ปุ่นที่มีการให้บริการด้วยภาษาอังกฤษ เสร็จแล้วลองกรอกจุดหมายปลายทางที่เราต้องการไป ผลลัพท์ที่ได้คือค่าโดยสารที่แพงมากๆ 45,420เยนไปถึงแค่ฟูจิ นี่ยังไม่รวมจุดหมายปลายทางอื่นที่เราต้องการไปด้วยซ้ำ แพงโหดขนาดที่ว่าเราเอาเงินไปซื้อของใน outlet ได้สบายๆเลย ทีนี้เราเลยลองดูบริษัทอื่นๆดูบ้างเผื่อว่าจะเจอตัวเลือกที่ดีกว่า ก็เลยไหว้วานให้เพื่อนผู้รู้ภาษาญี่ปุ่นเมล์ไปถามให้ ปรากฏว่าแพงกว่าที่คาดคิดไว้มาก คือขนาดว่าหารกับเพื่อนร่วมทริปก็ยังแพงกว่าหลายเท่าตัวมาก ในเมล์ที่เพื่อน screen shot มาให้คือ ราคาประมาณ 70,000 เยน ไม่อยากจะให้คิดเป็นเงินไทยเลย คือเค้าพาเราไปยังสถานที่ที่เรากำหนดก็จริงแต่ราคานั้นไม่เป็นมิตรเอาซะเลย เป็นอันว่าแท๊กซี่ก็ตัดออกจากตัวเลือกไปโดยไม่ต้องคิดอะไรต่อให้มาก แบบที่ 4 เว็ปไซต์ Justavi : https://www.justavi.com/index.php?lang=en “Justavi” คือบริการการเดินทางรูปแบบใหม่ที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการด้วย local driver โดยคุณสามารถ custom made trip ด้วยตัวของคุณเอง เจอแบบนี้แล้วถูกใจสาวไทยอย่างเรามาก เพราะสามารถกำหนดสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากไปด้วยตัวเอง กำหนดเวลาหรือเปลี่ยนแปลงเวลาได้อย่างไม่จำกัด มี local driver ส่วนตัวที่สามารถเช็กประวัติได้บนเว็ปไซต์ แถมราคายังถูกกว่าแท๊กซี่มากๆ เพราะว่ามีแค่ค่าบริการรวมๆแล้วประมาณ 32,000 เยน (ค่าบริการ Justavi กับค่าเช่ารถ) ดังนั้นตัวเลือกที่ใช่ที่สุดสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ของเราคือ Justavi การบริการของ Justavi คือเราเป็นผู้กำหนดการเดินทางด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ที่จะไป รถที่จะใช้ ส่วน Justavi จะเตรียม local driver ที่เราได้เลือกไว้ล่วงหน้าไว้คอยให้บริการในวันเดินทาง ค่าใช้จ่ายก็เลยจะมีเพียงแค่ค่าบริการ local driver ของ Justavi กับค่าบริการรถเช่าที่เราเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง บทความต่อไปเราจะมาอธิบายเกี่ยวกับการใช้บริการ Justavi อย่างละเอียดให้ฟัง การใช้งานเว็ปไซต์ Justavi ฉบับละเอียดhttp://komachijp.com/other-spot/16135 ดูบทความที่เกี่ยวข้อง คิดถูกใจ Komachi JAPAN ถูกใจ แชร์เลย
งานประดับไฟฤดูหนาว “Nabana no sato Winter Illumination” ระหว่างวันที่ 14 ตุลาคม 2560 – 6 พฤษภาคม 2561
มีแพลนจะไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นทั้งที เราจะต้องไม่พลาดภูเขาไฟฟูจิ เพราะเดือนกรกฎาคมของทุกปีเป็นเดือนแรกที่เริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถปีนขึ้นไปชมวิวได้ถึงยอดภูเขาไฟนั่นเอง แต่สาวไทยตัวเล็กแบบเราคงไม่ลุยขนาดนั้น เอาแค่ไปถึง Mt.Fuji 5th Station หรือฟูจิชั้น 5 ก็พอ สถานที่ที่เราอยากไปรอบนี้มีทั้งลาเวนเดอร์ริมทะเลสาบคาวากุจิโกะ ถ้ำน้ำแข็งนารุซาว่า โกเทมบะ outlet ซึ่งเรามาเที่ยวญี่ปุ่นรอบนี้ก็อยากจะเก็บสถานที่ที่อยากไปให้ครบ โดยจัดเป็น one day trip เที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับออกสตาร์ทที่โตเกียว และคราวนี้เรากับเพื่อนพักโรงแรมแถวสถานีชินจูกุก็เลยลองค้นหาวิธีการเดินทางจากสถานีชินจูกุดู
เราสามารถเดินทางได้ 4รูปแบบ ได้แก่ รถโดยสารประจำทาง(รถบัส) บัสทัวร์ รถแท๊กซี่(เหมา) และ “Justavi” เลยลองเอาทั้ง 4 วิธีมาเปรียบเทียบกันดู
แบบที่ 1
คือการเดินทางด้วยรถบัส จากที่ลองค้นดูพบว่ามีรถบัสไปฟูจิชั้น5 อยู่หลายบริษัทด้วยกัน หลักๆคือเดินทางประมาณ 2ชั่วโมง25นาที กับค่าโดยสารประมาณ 2,700 เยน จากตารางเวลาเดินรถถ้าขึ้นรอบเช้าสุด 6.45 จากชินจูกุ จะไปถึง ฟูจิชั้น 5 ประมาณ 9.20 แต่พอลองดูตารางรถบัสขากลับก็พบว่ามีรอบที่เป็นไปได้มากที่สุดที่จะลงจากฟูจิชั้น 5 มาที่สถานีคาวากุจิโกะคือรอบ 11.40 (https://www.japan-guide.com/bus/fuji.html)และกว่าจะถึงสถานีคาวากุจิโกะก็ 12.25 ซึ่งก็เป็นเวลาทานอาหารกลางวัน กว่าจะกินข้าว กว่าจะเดินทางไปดูทุ่งลาเวนเดอร์ต่อก็หมดวันพอดี ย้อนไปย้อนมามากมาย เพราะถ้าไม่กลับมาที่สถานีคาวากุจิโกะก็จะไม่สามารถเดินทางไปไหนต่อได้ ซึ่งยังไม่ทันได้ไปถ้ำน้ำแข็งกับoutletเลย เกิดไปไม่ทันรถเที่ยวที่จะขึ้นก็ต้องรอรอบต่อไปซึ่งก็จะเสียเวลาไปอีก ราคาถูกก็จริงแต่ก็เสียเวลามาก เป็นไปได้ยากที่จะไปให้ครบทุกที่ภายใน 1วัน ฉะนั้นเราตัดตัวเลือกรถบัสไปเลย
แบบที่ 2
ตัวเลือกต่อมาคือไปบัสทัวร์ ซึ่งพอลองค้นหาดูก็เจอแต่บัสทัวร์ที่กำหนดไว้หมดแล้วทั้งสถานที่ที่จะไป อาหารที่จะกิน แค่นี้ไม่พอเรายังไม่รู้ว่าตัวเองต้องไปเจอกับนักท่องเที่ยวชาติไหนอีก ค่าบริการต่อคนราคาถูกก็จริงแต่ว่าไม่สามารถไปที่ที่เราอยากไปได้ทั้งหมด เป็นอันว่าบัสทัวร์ถูกตัดออกจากตัวเลือกไปอย่างง่ายดาย
แบบที่ 3
ต่อมาตัวเลือกที่สามคือเดินทางด้วยรถแท็กซี่ ถ้าพูดถึงแท็กซี่เรียกได้ว่าไม่ว่าประเทศไหนๆก็ต้องกังวลกับค่าบริการเป็นอันดับแรก ประเทศญี่ปุ่นเองก็เช่นกัน แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็ยังไม่ค่อยมีใครใช้บริการถ้าไม่จำเป็นจริงๆอย่างเช่น ตกรถไฟ รถไฟหมดกลับบ้านไม่ทัน คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็จะนั่งรถไฟไปให้ใกล้บ้านที่สุดแล้วจึงต่อแท็กซี่กลับบ้าน แต่ถ้าเราลองใช้บริการรถแท็กซี่ในระยะทางไกลจะเป็นอย่างไร? อย่างแรกเราลองค้นหาผู้ให้บริการแท็กซี่ในประเทศญี่ปุ่นที่มีการให้บริการด้วยภาษาอังกฤษ เสร็จแล้วลองกรอกจุดหมายปลายทางที่เราต้องการไป ผลลัพท์ที่ได้คือค่าโดยสารที่แพงมากๆ 45,420เยนไปถึงแค่ฟูจิ นี่ยังไม่รวมจุดหมายปลายทางอื่นที่เราต้องการไปด้วยซ้ำ แพงโหดขนาดที่ว่าเราเอาเงินไปซื้อของใน outlet ได้สบายๆเลย ทีนี้เราเลยลองดูบริษัทอื่นๆดูบ้างเผื่อว่าจะเจอตัวเลือกที่ดีกว่า ก็เลยไหว้วานให้เพื่อนผู้รู้ภาษาญี่ปุ่นเมล์ไปถามให้ ปรากฏว่าแพงกว่าที่คาดคิดไว้มาก คือขนาดว่าหารกับเพื่อนร่วมทริปก็ยังแพงกว่าหลายเท่าตัวมาก ในเมล์ที่เพื่อน screen shot มาให้คือ ราคาประมาณ 70,000 เยน ไม่อยากจะให้คิดเป็นเงินไทยเลย คือเค้าพาเราไปยังสถานที่ที่เรากำหนดก็จริงแต่ราคานั้นไม่เป็นมิตรเอาซะเลย เป็นอันว่าแท๊กซี่ก็ตัดออกจากตัวเลือกไปโดยไม่ต้องคิดอะไรต่อให้มาก
แบบที่ 4
เว็ปไซต์ Justavi : https://www.justavi.com/index.php?lang=en
“Justavi” คือบริการการเดินทางรูปแบบใหม่ที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการด้วย local driver โดยคุณสามารถ custom made trip ด้วยตัวของคุณเอง เจอแบบนี้แล้วถูกใจสาวไทยอย่างเรามาก เพราะสามารถกำหนดสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากไปด้วยตัวเอง กำหนดเวลาหรือเปลี่ยนแปลงเวลาได้อย่างไม่จำกัด มี local driver ส่วนตัวที่สามารถเช็กประวัติได้บนเว็ปไซต์ แถมราคายังถูกกว่าแท๊กซี่มากๆ เพราะว่ามีแค่ค่าบริการรวมๆแล้วประมาณ 32,000 เยน (ค่าบริการ Justavi กับค่าเช่ารถ) ดังนั้นตัวเลือกที่ใช่ที่สุดสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ของเราคือ Justavi
การบริการของ Justavi คือเราเป็นผู้กำหนดการเดินทางด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ที่จะไป รถที่จะใช้ ส่วน Justavi จะเตรียม local driver ที่เราได้เลือกไว้ล่วงหน้าไว้คอยให้บริการในวันเดินทาง ค่าใช้จ่ายก็เลยจะมีเพียงแค่ค่าบริการ local driver ของ Justavi กับค่าบริการรถเช่าที่เราเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง บทความต่อไปเราจะมาอธิบายเกี่ยวกับการใช้บริการ Justavi อย่างละเอียดให้ฟัง
คิดถูกใจ