ส่อง MUJI: “สินค้าคุณภาพ ไม่มียี่ห้อ” ที่สาขาในนาโกย่า 2018/08/01 ส่อง MUJI: “สินค้าคุณภาพ ไม่มียี่ห้อ” ที่สาขาในนาโกย่า 2018/08/01 Credit: ผู้เขียน ก่อนที่จะพาไปส่องร้าน MUJI (มูจิ) ในประเทศญี่ปุ่น ดินแดนต้นกำเนิดของร้านที่ขายสินค้าคุณภาพดีหลากหลายชนิดตั้งแต่เครื่องเขียน สินค้าในครัวเรือน จนไปถึงเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและอาหาร เรามารู้จักความเป็นมากันค่ะ… Credit: ผู้เขียน “Mujirushi Ryohin” หรือ MUJI ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า “สินค้าคุณภาพ ไม่มียี่ห้อ” หมายถึงการคัดสรรคุณภาพที่ดีและเรียบง่าย เน้นความใกล้ชิดธรรมชาติ โดยไม่ยึดติดกับยี่ห้อประมาณนี้ค่ะ …โดย MUJI ก่อตั้งขึ้นที่ญี่ปุ่นในปี 1980 อายุอานามก็ 38 ปีเข้าไปแล้ว Credit: ผู้เขียน “เป็นที่ทราบกันดีว่าไม่มีแบรนด์ใดเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่มีผู้ใดสร้างธรรมชาติขึ้นมา หากแต่เป็นดอกผลของสิ่งมีชีวิตนานาชนิด ซึ่งโอบล้อมทุกสรรพสิ่งเข้าไว้ด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติเพื่อสร้างสรรค์ชีวิตเหล่านั้นให้ดียิ่งขึ้น…” MUJI ได้ยึดเอาโลกแห่งธรรมชาติเป็นต้นแบบอย่างเคร่งครัด เริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์ 40 รายการจนก้าวสู่ 7,000 รายการในปัจจุบัน Credit: ผู้เขียน MUJI ยึดหลักสามประการ ซึ่งยังคงใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้คือ 1. การคัดสรรวัตถุดิบ 2. การปรับกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ 3. การทำบรรจุภัณฑ์ให้มีความเรียบง่าย Credit: ผู้เขียน สะท้อนถึงแก่นแท้ของผลิตภัณฑ์ MUJI คือความเรียบง่าย มีประโยชน์หลากหลาย และความพอเพียง ที่สามารถเข้ากับการใช้ชีวิตของทุกคนได้ Credit: ผู้เขียน ภายใต้เจตนารมณ์ที่ต้องการควบคุมปริมาณขยะและสิ่งของเหลือใช้รวมถึงการให้ความสำคัญกับประโยชน์ของวัสดุธรรมชาติแบบดั้งเดิม Credit: ผู้เขียน MUJI ยังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ด้วยการผลักดันแนวคิดที่ได้จากการเฝ้าสังเกตการดำเนินชีวิตประจำวันในทุกแง่มุมอย่างต่อเนื่อง… ปัจจุบัน MUJI ขยายสาขาไปแล้วทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นประเทศในแถบยุโรป ได้แก่ U.K.- France –Ireland- Sweden -Italy Germany –Spain- Portugal -Poland ในเอเชีย Japan- Hong Kong -Singapore –Korea- Taiwan -China -Indonesia -Philippines –Malaysia- Kuwait -UAE – Australia -India -Saudi Arabia -Bahrain -Qatar รวมถึงประเทศไทยด้วยค่ะ Credit: ผู้เขียน จากเจแปนมาไทยแลนด์ทำให้ตอนนี้ MUJI เป็นแบรนด์ที่เรารู้จักกันดีค่ะ จะเห็นตามห้างเซ็นทรัลเพราะว่า เซ็นทรัลผูกขาด ได้สิทธิ์แฟรนไชส์เข้ามาตั้งร้านในประเทศไทย ความเก่าแก่กว่า 37 ปี ของแบรนด์ MUJI พิสูจน์ได้ว่าสินค้าที่ไม่มียี่ห้อแต่คุณภาพดีตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ยอดขายเพิ่มขึ้นทุกปีเป็นแบรนด์ที่คนทั่วโลกนิยม สินค้าไม่ใช่แค่เฉพาะคนญี่ปุ่นที่ชอบใช้แต่คนทั่วโลกก็สามารถใช้ได้ Credit: ผู้เขียน อัตลักษณ์หรือความเป็นตัวตนของมูจิ ถือเป็นหัวใจหลักของการสร้างความสำเร็จให้แบรนด์นี้ค่ะ โดยในปี ค.ศ.2020 MUJI จะปรับลดราคาสินค้าของร้านทั่วโลกให้เท่ากับที่ขายที่ญี่ปุ่น Credit: ผู้เขียน ทำให้สงสัยว่า MUJI ทนฟังเสียงบ่นของพวกเราไม่ไหวหรือเปล่า ที่ว่าทำไมสินค้า MUJI ในไทยแพงจังเลย ถ้าเทียบกับสินค้า MUJI ในประเทศญี่ปุ่นแล้ว เรียกว่าแพงกว่า 2-3 เท่าตัว ทั้งๆที่ค่าครองชีพของเราถูกกว่านะคะ Credit: ผู้เขียน และสิ่งที่ทำให้ MUJI ประเทศญี่ปุ่นแตกต่างจาก MUJI ในไทยปัจจุบันนี้ เห็นชัดๆ คือ “เครื่องดื่ม” ที่ขายในร้านค่ะ Credit: ผู้เขียน ในส่วนเครื่องดื่มร้อนและเย็นของร้าน MUJI ในไทยยังไม่มีค่ะ วันนี้เราเลยจะพาไปส่องที่ MUJI สาขาเมืองนาโกย่า ในห้างสกายลุ ชั้น 2 มาดูกันว่า มีน้ำอะไรน่าดื่มกันบ้าง Credit: ผู้เขียน ทั้งน้ำผลไม้ กาแฟ ชา ร้อน-เย็น Credit: ผู้เขียน Credit: ผู้เขียน ราคาประมาณร้อยกว่าเยนถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว มาตรฐาน Credit: ผู้เขียน มีน้ำองุ่น 100% ด้วยค่ะ Credit: ผู้เขียน เราเลยลองซื้อชานมร้อน (อุ่นๆ) ลองดื่มดูค่ะ Credit: ผู้เขียน Milk Tea อุ่นสบายมือ ฝาเปิดง่าย Credit: ผู้เขียน ซื้อแล้วจะได้สติ๊กเกอร์แปะมาให้ เราไม่รับถุงเพราะเปิดดื่มเลย Credit: ผู้เขียน รสชาติหวานๆ หน่อย ถือว่าหวานกว่ามาตรฐานเครื่องดื่มญี่ปุ่นทั่วไปค่ะ ถ้าเพื่อนๆ แวะไป MUJI ก็ลองชิมน้ำแปลกๆ กันดูนะคะ ที่ตั้ง: SKYLE(อยู่ในห้างสกายลุชั้น 2) 3−4−5 , Sakae, Naka-ku, Nagoya-shi, Aichi 460-0008 เวลาเปิดปิด: 10.00 – 20.00 น. แผนที่: ดูบทความที่เกี่ยวข้อง About the author RiangSupod ดูบทความผู้เขียน เลขาสาวผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยว อาหาร และวัฒนธรรมญี่ปุ่น จบปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์-ปริญญาโทรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เคยอาศัยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และได้เดินทางไปทำงานและไปท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นบ่อยๆ ทำให้มีเพื่อนทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่นทุกเพศทุกวัย ปัจจุบันเป็นเลขานุการผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง คิดถูกใจ Komachi JAPAN ถูกใจ แชร์เลย
อีสเตอร์นี้ มาอร่อยกับบุฟเฟ่ต์ขนมหวานทำจากสตรอเบอร์รี่สดๆ ที่มีให้เลือกทานอย่างจุใจกันที่ Scara Terrace
ก่อนที่จะพาไปส่องร้าน MUJI (มูจิ) ในประเทศญี่ปุ่น ดินแดนต้นกำเนิดของร้านที่ขายสินค้าคุณภาพดีหลากหลายชนิดตั้งแต่เครื่องเขียน สินค้าในครัวเรือน จนไปถึงเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและอาหาร เรามารู้จักความเป็นมากันค่ะ…
“Mujirushi Ryohin” หรือ MUJI ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า “สินค้าคุณภาพ ไม่มียี่ห้อ” หมายถึงการคัดสรรคุณภาพที่ดีและเรียบง่าย เน้นความใกล้ชิดธรรมชาติ โดยไม่ยึดติดกับยี่ห้อประมาณนี้ค่ะ …โดย MUJI ก่อตั้งขึ้นที่ญี่ปุ่นในปี 1980 อายุอานามก็ 38 ปีเข้าไปแล้ว
“เป็นที่ทราบกันดีว่าไม่มีแบรนด์ใดเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่มีผู้ใดสร้างธรรมชาติขึ้นมา หากแต่เป็นดอกผลของสิ่งมีชีวิตนานาชนิด ซึ่งโอบล้อมทุกสรรพสิ่งเข้าไว้ด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติเพื่อสร้างสรรค์ชีวิตเหล่านั้นให้ดียิ่งขึ้น…” MUJI ได้ยึดเอาโลกแห่งธรรมชาติเป็นต้นแบบอย่างเคร่งครัด เริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์ 40 รายการจนก้าวสู่ 7,000 รายการในปัจจุบัน
MUJI ยึดหลักสามประการ ซึ่งยังคงใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้คือ
1. การคัดสรรวัตถุดิบ
2. การปรับกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ
3. การทำบรรจุภัณฑ์ให้มีความเรียบง่าย
สะท้อนถึงแก่นแท้ของผลิตภัณฑ์ MUJI คือความเรียบง่าย มีประโยชน์หลากหลาย และความพอเพียง ที่สามารถเข้ากับการใช้ชีวิตของทุกคนได้
ภายใต้เจตนารมณ์ที่ต้องการควบคุมปริมาณขยะและสิ่งของเหลือใช้รวมถึงการให้ความสำคัญกับประโยชน์ของวัสดุธรรมชาติแบบดั้งเดิม
MUJI ยังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ด้วยการผลักดันแนวคิดที่ได้จากการเฝ้าสังเกตการดำเนินชีวิตประจำวันในทุกแง่มุมอย่างต่อเนื่อง…
ปัจจุบัน MUJI ขยายสาขาไปแล้วทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นประเทศในแถบยุโรป ได้แก่ U.K.- France –Ireland- Sweden -Italy Germany –Spain- Portugal -Poland ในเอเชีย Japan- Hong Kong -Singapore –Korea- Taiwan -China -Indonesia -Philippines –Malaysia- Kuwait -UAE – Australia -India -Saudi Arabia -Bahrain -Qatar รวมถึงประเทศไทยด้วยค่ะ
จากเจแปนมาไทยแลนด์ทำให้ตอนนี้ MUJI เป็นแบรนด์ที่เรารู้จักกันดีค่ะ จะเห็นตามห้างเซ็นทรัลเพราะว่า เซ็นทรัลผูกขาด ได้สิทธิ์แฟรนไชส์เข้ามาตั้งร้านในประเทศไทย ความเก่าแก่กว่า 37 ปี ของแบรนด์ MUJI พิสูจน์ได้ว่าสินค้าที่ไม่มียี่ห้อแต่คุณภาพดีตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ยอดขายเพิ่มขึ้นทุกปีเป็นแบรนด์ที่คนทั่วโลกนิยม สินค้าไม่ใช่แค่เฉพาะคนญี่ปุ่นที่ชอบใช้แต่คนทั่วโลกก็สามารถใช้ได้
อัตลักษณ์หรือความเป็นตัวตนของมูจิ ถือเป็นหัวใจหลักของการสร้างความสำเร็จให้แบรนด์นี้ค่ะ โดยในปี ค.ศ.2020 MUJI จะปรับลดราคาสินค้าของร้านทั่วโลกให้เท่ากับที่ขายที่ญี่ปุ่น
ทำให้สงสัยว่า MUJI ทนฟังเสียงบ่นของพวกเราไม่ไหวหรือเปล่า ที่ว่าทำไมสินค้า MUJI ในไทยแพงจังเลย ถ้าเทียบกับสินค้า MUJI ในประเทศญี่ปุ่นแล้ว เรียกว่าแพงกว่า 2-3 เท่าตัว ทั้งๆที่ค่าครองชีพของเราถูกกว่านะคะ
และสิ่งที่ทำให้ MUJI ประเทศญี่ปุ่นแตกต่างจาก MUJI ในไทยปัจจุบันนี้ เห็นชัดๆ คือ “เครื่องดื่ม” ที่ขายในร้านค่ะ
ในส่วนเครื่องดื่มร้อนและเย็นของร้าน MUJI ในไทยยังไม่มีค่ะ วันนี้เราเลยจะพาไปส่องที่ MUJI สาขาเมืองนาโกย่า ในห้างสกายลุ ชั้น 2 มาดูกันว่า มีน้ำอะไรน่าดื่มกันบ้าง
ทั้งน้ำผลไม้ กาแฟ ชา ร้อน-เย็น
ราคาประมาณร้อยกว่าเยนถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว มาตรฐาน
มีน้ำองุ่น 100% ด้วยค่ะ
เราเลยลองซื้อชานมร้อน (อุ่นๆ) ลองดื่มดูค่ะ
Milk Tea อุ่นสบายมือ ฝาเปิดง่าย
ซื้อแล้วจะได้สติ๊กเกอร์แปะมาให้ เราไม่รับถุงเพราะเปิดดื่มเลย
รสชาติหวานๆ หน่อย ถือว่าหวานกว่ามาตรฐานเครื่องดื่มญี่ปุ่นทั่วไปค่ะ ถ้าเพื่อนๆ แวะไป MUJI ก็ลองชิมน้ำแปลกๆ กันดูนะคะ
ที่ตั้ง: SKYLE(อยู่ในห้างสกายลุชั้น 2) 3−4−5 , Sakae, Naka-ku, Nagoya-shi, Aichi 460-0008
เวลาเปิดปิด: 10.00 – 20.00 น.
แผนที่:
About the author
RiangSupod
เลขาสาวผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยว อาหาร และวัฒนธรรมญี่ปุ่น จบปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์-ปริญญาโทรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
เคยอาศัยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และได้เดินทางไปทำงานและไปท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นบ่อยๆ ทำให้มีเพื่อนทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่นทุกเพศทุกวัย
ปัจจุบันเป็นเลขานุการผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง
คิดถูกใจ