ถนนสายมาโกเมะจูกุ (Magome-juku : 馬籠宿) 2018/10/23 ถนนสายมาโกเมะจูกุ (Magome-juku : 馬籠宿) 2018/10/23 Credit: ผู้เขียน พาไปเที่ยวมาโกเมะจูกุ (Magome-juku : 馬籠宿) ย่านที่พักอาศัยระหว่างทางในสมัยก่อน สร้างขึ้นในช่วงสมัยเอโดะ (ปี ค.ศ. 1603 – 1868) เป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่างเอโดะ(โตเกียว) กับเกียวโต ถนนหนทางปูด้วยหินไปตามเนินลาด สองข้างทางขนานข้างด้วยบ้านพักมากมาย ข้างทางมีลำน้ำเล็ก ๆ ไหลผ่าน สร้างความสดชื่นร่มเย็นให้กับสถานที่ ปัจจุบันที่นี่มีทั้งเรียวกัง พิพิธภัณฑ์ ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกมากมาย น่าเที่ยวขนาดไหน ตามมาค่ะ Credit: ผู้เขียน เริ่มทริปถนนโบราณสายมาโกเมะจูกุ (Magome-juku : 馬籠宿) กันด้วยการ set เนวิเกเตอร์ในรถยนต์ก่อนเลย Credit: ผู้เขียน เดินทางออกจากสถานีนาโกย่ามาเรื่อยๆ นะคะ ขับรถไปใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนะคะ ก็จะถึง Magome-juku : 馬籠宿) ระหว่างทางที่ไปเจอการทำถนนด้วยค่ะ ป้ายเตือนชัดเจน ดูปลอดภัยดี Credit: ผู้เขียน ระหว่างทางก็จะเป็นชนบทของญี่ปุ่นนะคะ Credit: ผู้เขียน ชอบมากๆ เลย เป็นภูเขาสูงๆ ผ่านหุบเขาแล้วก็ทางชนบท Credit: ผู้เขียน มองไปสองข้างทาง เห็นลิบๆ คือภูเขาที่มีหิมะปกคลุมบางๆ อยู่บนยอดค่ะ Credit: ผู้เขียน แปบเดียวก็ถึงแล้วค่ะ แต่เรามาลงที่รู้สึกว่าจะเป็นจุดสิ้นสุดทาง ฮ่าๆๆ เดินย้อนกลับขึ้นไปดีต่อหัวเข่ากว่าเดินลงทางชันๆนะคะ เพราะถนนเป็นทางชันตลอด Credit: ผู้เขียน จุดนี้เป็นเหมือนศูนย์รวมตัวนักท่องเที่ยว มีร้านอาหาร ร้านค้า เป็นลานกว้างๆ Credit: ผู้เขียน ซอฟท์ครีมก็มีขายค่ะ แต่เราจะพาไปร้านเด็ดในถนน Magome-juku : 馬籠宿 ข้างในค่ะ Credit: ผู้เขียน ชอบฝาท่อที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น Credit: ผู้เขียน เทคนิคการเดินเที่ยวสำหรับผู้ที่เช่ารถขับมาเองนะคะ ถ้าสมมุติเราไปกันหลายคนก็คือ คนขับมาส่ง แล้วปล่อยให้สมาชิกในทริปเดินขึ้นไป แล้วคนขับรถก็ให้ขับรถวนขึ้นไปรอตรงปลายทางค่ะ (หรือถ้าอยากเดินลงให้ขับมารอทางลง) เพื่ออะไรนะหรอคะ? เพื่อที่ว่าเราไม่ต้องเดินกลับมาอีกรอบนะคะ จะเป็นอะไรที่ประหยัดเวลา เราก็ไม่เหนื่อยด้วย Credit: ผู้เขียน สำหรับคนขับที่ขับขึ้นไปข้างบน ก็ให้จอดรถแล้วเดินสวนทางลงมา ระหว่างที่เราค่อยๆ เดินขึ้นไปค่ะ ก็จะเจอกันพบกันครึ่งทางพอดี ก็จะผ่านจุดสำคัญไฮไลท์ นัดเจอตรงกังหันน้ำหรือไปรษณีย์ ได้ถ่ายรูปได้สวยงามครบถ้วนค่ะ นี่เป็นเทคนิคที่เพื่อนชาวญี่ปุ่นแอบบอกมานะคะ เราก็ประหยัดเวลาไปได้เยอะจริงๆ เพราะว่าการเดินขึ้นภูเขาทางชันๆ ก็คงจะเร่งสปีดได้ไม่มากนักนะคะ Credit: ผู้เขียน มาถึงก็เจอร้านค้าแรกเลยเก่าแก่มากๆ คุณยายยิ้มต้อนรับ น่ารักมาๆ Credit: ผู้เขียน เอาจริงๆ แล้วอากาศค่อนข้างดีเลยค่ะ วันที่ไปไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไป 10-15 องศาเซลเซียส Credit: ผู้เขียน คนก็น้อยด้วยนะคะอาจจะสงสัยกันว่าทำไมเหมือนไม่ค่อยเป็นที่นิยมหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเลยล่ะค่ะ Credit: ผู้เขียน มาได้ทุกฤดูนะคะ แต่ช่วงที่เราไปคือต้นเดือนธันวาคม 2017 ที่ผ่านมา Credit: ผู้เขียน เราก็ได้ขึ้นไปเรื่อยๆ ค่ะ Credit: ผู้เขียน ระหว่างทางเลียบทางเดินจะเป็นท่อระบายอยู่ข้างทางนะคะ น้ำใสมากๆ ก็ไหลลงมาเรื่อยๆ เป็นระยะๆ ค่ะ Credit: ผู้เขียน เราก็เดินขึ้นไป แล้วหันหลังกลับมามอง (แต่ถ้าใครเดินจากข้างบนลงมาก็จะได้วิวแบบนี้ค่ะ) Credit: ผู้เขียน กังหันน้ำที่ต้องถ่ายภาพด้วย เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ค่ะ Credit: ผู้เขียน การที่เราได้ไปในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็จะได้เห็นใบไม้สีแดงของต้นโมมิจิหรือต้นเมเปิ้ลนั่นเองค่ะ มีไม่เยอะนะคะ รู้สึกทั้งทางเดินก็จะเห็นอยู่ต้นสองต้นแค่นั้นเองค่ะ Credit: ผู้เขียน เดินไปตามป้ายเลยค่ะ เราจะไปทาง POST TOWN Credit: ผู้เขียน นี่คือหน้าบริเวณสำนักงานไปรษณีย์ที่เป็นไฮไลท์ของถนนเส้นนี้นั่นเองค่ะ ก็ยังสามารถส่งไปรษณีย์ได้นะคะ แต่พอดีตอนที่เราไปไม่มีเจ้าหน้าที่ เราก็เลยเดินเลยมาเลย เพราะว่าเวลาเริ่มจะช้าแล้วค่ะ Credit: ผู้เขียน สำหรับผู้ใหญ่ เราว่าเป็นการออกกำลังกายที่ดีเลยค่ะ แต่ก็ค่อยๆ เดินนะคะ ไม่ต้องรีบค่ะ เดินสบายๆ ชมวิวทิวทัศน์แล้วก็ดื่มด่ำ Credit: ผู้เขียน มโนว่า…เออ…ถ้าเราเป็นคนญี่ปุ่นสมัยก่อนในยุคเอโดะเราจะใช้ชีวิตแบบนี้ยังไงนะ Credit: ผู้เขียน GuestHouse น่าพักจัง Credit: ผู้เขียน มีจุดถังน้ำเอาไว้ตักราดเวลาเกิดไฟไหม้ในสมัยโบราณ Credit: ผู้เขียน จุดที่โดดเด่นของ มาโกเมะจูกุ ตั้งอยู่บนเขาทางลาดชันประมาณ 600 เมตร และเป็นที่ตั้งของ Tsumagojyuku ซึ่งเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมจำนวนมากอยู่ตลอดค่ะ Credit: ผู้เขียน ต้องบอกว่าวิวสวยๆ แบบนี้หาชมไม่ได้เลยนะคะ คือเดินขึ้นมาเหมือนอยู่บนยอดเขาแล้วก็มองลงไปเป็นหมู่บ้านมีหลังคาสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ Credit: ผู้เขียน โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาสูงๆ ยอดของภูเขาก็จะเป็นหิมะปกคลุมอยู่นิดหน่อยค่ะ ยังไม่ละลายไปทั้งหมดนะคะ Credit: ผู้เขียน โรงเตี๊ยมอีกแห่ง Credit: ผู้เขียน นี่ๆ เจอแล้วร้านซอฟท์ครีมเกาลัค Credit: ผู้เขียน ลูกเกาลัคเป็นแบบนี้เลยค่ะ เคยเห็นมั้ยคะ เม็ดใหญ่ๆ หวานหอม นัวลิ้นสมชื่อสุดยอดเกาลัคญี่ปุ่น Credit: ผู้เขียน สองข้างทางของถนนเท่าที่เดินชมไปตามทางเรื่อยๆ ก็จะเป็นบ้านโบราณ พิพิธภัณฑ์ โรงน้ำชา ส่วนร้านขายของที่ระลึกจะตั้งเรียงรายตลอด ให้เราได้เลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองกันได้อย่างอิ่มเอม Credit: ผู้เขียน มาเจออีกแล้วร้านขนมญี่ปุ่น Credit: ผู้เขียน โมจิแบบ Homemade Credit: ผู้เขียน เป็นที่ทราบกันดีว่า มาโกเมะจูกุเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากๆ ในสมัยก่อน เนื่องจากเป็นสถานีหลักของการไปรษณีย์ที่ชื่อว่า Nakasendou นอกจากนี้ สายไฟ สายโทรศัพท์และเสาจะถูกซ่อนไว้หลังตึกต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ทำลายทัศนียภาพของเมืองเก่าในสมัยเอโดะ Credit: ผู้เขียน ที่สำคัญเป็นหนึ่งในห้าของถนนสายหลักที่เริ่มจาก Nihonbashi ในสมัยเอโดะ Credit: ผู้เขียน ลูกอะไรหน้าตาน่ารัก Credit: ผู้เขียน สรุป เราใช้เวลาทั้งหมดในการเดินในมาโกเมะจุกุ ประมาณ 1 ชั่วโมงเต็มนะคะ Credit: ผู้เขียน เราค่อยๆ เดิน แวะกินขนมนู่นนี่นั่น จริงๆแล้วเดินแป๊บเดียวก็หมดเวลาค่ะ ถ้าเดินตั้งใจจริงๆ เราว่าประมาณ 10 นาทีก็สุดถนนแล้วนะคะ Credit: ผู้เขียน ที่ตั้ง : 4282 Magome, Nakatsugawa, Gifu 508-0502 วิธีการเดินทาง : จากสถานีรถไฟเจอาร์นากาทสึกาวะ (JR Nakatsugawa Station) โดยรถบัสคิตะเอนะโคทสึสายมาโกเมะ (Kitaena bus Magome Line) ลงที่ป้ายมาโกเมะ (Magome) ถ้าหากเช่ารถ/ขับรถมาเอง set เนตามแผนที่เลยค่ะ เราจอดที่ลานจอด B2 ค่าเข้า-ที่จอดรถฟรี แผนที่: ดูบทความที่เกี่ยวข้อง About the author RiangSupod ดูบทความผู้เขียน เลขาสาวผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยว อาหาร และวัฒนธรรมญี่ปุ่น จบปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์-ปริญญาโทรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เคยอาศัยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และได้เดินทางไปทำงานและไปท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นบ่อยๆ ทำให้มีเพื่อนทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่นทุกเพศทุกวัย ปัจจุบันเป็นเลขานุการผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง คิดถูกใจ Komachi JAPAN ถูกใจ แชร์เลย
พาไปเที่ยวมาโกเมะจูกุ (Magome-juku : 馬籠宿) ย่านที่พักอาศัยระหว่างทางในสมัยก่อน สร้างขึ้นในช่วงสมัยเอโดะ (ปี ค.ศ. 1603 – 1868) เป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่างเอโดะ(โตเกียว) กับเกียวโต ถนนหนทางปูด้วยหินไปตามเนินลาด สองข้างทางขนานข้างด้วยบ้านพักมากมาย ข้างทางมีลำน้ำเล็ก ๆ ไหลผ่าน สร้างความสดชื่นร่มเย็นให้กับสถานที่ ปัจจุบันที่นี่มีทั้งเรียวกัง พิพิธภัณฑ์ ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกมากมาย น่าเที่ยวขนาดไหน ตามมาค่ะ
เริ่มทริปถนนโบราณสายมาโกเมะจูกุ (Magome-juku : 馬籠宿) กันด้วยการ set เนวิเกเตอร์ในรถยนต์ก่อนเลย
เดินทางออกจากสถานีนาโกย่ามาเรื่อยๆ นะคะ ขับรถไปใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนะคะ ก็จะถึง Magome-juku : 馬籠宿) ระหว่างทางที่ไปเจอการทำถนนด้วยค่ะ ป้ายเตือนชัดเจน ดูปลอดภัยดี
ระหว่างทางก็จะเป็นชนบทของญี่ปุ่นนะคะ
ชอบมากๆ เลย เป็นภูเขาสูงๆ ผ่านหุบเขาแล้วก็ทางชนบท
มองไปสองข้างทาง เห็นลิบๆ คือภูเขาที่มีหิมะปกคลุมบางๆ อยู่บนยอดค่ะ
แปบเดียวก็ถึงแล้วค่ะ แต่เรามาลงที่รู้สึกว่าจะเป็นจุดสิ้นสุดทาง ฮ่าๆๆ เดินย้อนกลับขึ้นไปดีต่อหัวเข่ากว่าเดินลงทางชันๆนะคะ เพราะถนนเป็นทางชันตลอด
จุดนี้เป็นเหมือนศูนย์รวมตัวนักท่องเที่ยว มีร้านอาหาร ร้านค้า เป็นลานกว้างๆ
ซอฟท์ครีมก็มีขายค่ะ แต่เราจะพาไปร้านเด็ดในถนน Magome-juku : 馬籠宿 ข้างในค่ะ
ชอบฝาท่อที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น
เทคนิคการเดินเที่ยวสำหรับผู้ที่เช่ารถขับมาเองนะคะ ถ้าสมมุติเราไปกันหลายคนก็คือ คนขับมาส่ง แล้วปล่อยให้สมาชิกในทริปเดินขึ้นไป แล้วคนขับรถก็ให้ขับรถวนขึ้นไปรอตรงปลายทางค่ะ (หรือถ้าอยากเดินลงให้ขับมารอทางลง) เพื่ออะไรนะหรอคะ? เพื่อที่ว่าเราไม่ต้องเดินกลับมาอีกรอบนะคะ จะเป็นอะไรที่ประหยัดเวลา เราก็ไม่เหนื่อยด้วย
สำหรับคนขับที่ขับขึ้นไปข้างบน ก็ให้จอดรถแล้วเดินสวนทางลงมา ระหว่างที่เราค่อยๆ เดินขึ้นไปค่ะ ก็จะเจอกันพบกันครึ่งทางพอดี ก็จะผ่านจุดสำคัญไฮไลท์ นัดเจอตรงกังหันน้ำหรือไปรษณีย์ ได้ถ่ายรูปได้สวยงามครบถ้วนค่ะ นี่เป็นเทคนิคที่เพื่อนชาวญี่ปุ่นแอบบอกมานะคะ เราก็ประหยัดเวลาไปได้เยอะจริงๆ เพราะว่าการเดินขึ้นภูเขาทางชันๆ ก็คงจะเร่งสปีดได้ไม่มากนักนะคะ
มาถึงก็เจอร้านค้าแรกเลยเก่าแก่มากๆ คุณยายยิ้มต้อนรับ น่ารักมาๆ
เอาจริงๆ แล้วอากาศค่อนข้างดีเลยค่ะ วันที่ไปไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไป 10-15 องศาเซลเซียส
คนก็น้อยด้วยนะคะอาจจะสงสัยกันว่าทำไมเหมือนไม่ค่อยเป็นที่นิยมหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเลยล่ะค่ะ
มาได้ทุกฤดูนะคะ แต่ช่วงที่เราไปคือต้นเดือนธันวาคม 2017 ที่ผ่านมา
เราก็ได้ขึ้นไปเรื่อยๆ ค่ะ
ระหว่างทางเลียบทางเดินจะเป็นท่อระบายอยู่ข้างทางนะคะ น้ำใสมากๆ ก็ไหลลงมาเรื่อยๆ เป็นระยะๆ ค่ะ
เราก็เดินขึ้นไป แล้วหันหลังกลับมามอง (แต่ถ้าใครเดินจากข้างบนลงมาก็จะได้วิวแบบนี้ค่ะ)
กังหันน้ำที่ต้องถ่ายภาพด้วย เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ค่ะ
การที่เราได้ไปในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็จะได้เห็นใบไม้สีแดงของต้นโมมิจิหรือต้นเมเปิ้ลนั่นเองค่ะ มีไม่เยอะนะคะ รู้สึกทั้งทางเดินก็จะเห็นอยู่ต้นสองต้นแค่นั้นเองค่ะ
เดินไปตามป้ายเลยค่ะ เราจะไปทาง POST TOWN
นี่คือหน้าบริเวณสำนักงานไปรษณีย์ที่เป็นไฮไลท์ของถนนเส้นนี้นั่นเองค่ะ ก็ยังสามารถส่งไปรษณีย์ได้นะคะ แต่พอดีตอนที่เราไปไม่มีเจ้าหน้าที่ เราก็เลยเดินเลยมาเลย เพราะว่าเวลาเริ่มจะช้าแล้วค่ะ
สำหรับผู้ใหญ่ เราว่าเป็นการออกกำลังกายที่ดีเลยค่ะ แต่ก็ค่อยๆ เดินนะคะ ไม่ต้องรีบค่ะ เดินสบายๆ ชมวิวทิวทัศน์แล้วก็ดื่มด่ำ
มโนว่า…เออ…ถ้าเราเป็นคนญี่ปุ่นสมัยก่อนในยุคเอโดะเราจะใช้ชีวิตแบบนี้ยังไงนะ
GuestHouse น่าพักจัง
มีจุดถังน้ำเอาไว้ตักราดเวลาเกิดไฟไหม้ในสมัยโบราณ
จุดที่โดดเด่นของ มาโกเมะจูกุ ตั้งอยู่บนเขาทางลาดชันประมาณ 600 เมตร และเป็นที่ตั้งของ Tsumagojyuku ซึ่งเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมจำนวนมากอยู่ตลอดค่ะ
ต้องบอกว่าวิวสวยๆ แบบนี้หาชมไม่ได้เลยนะคะ คือเดินขึ้นมาเหมือนอยู่บนยอดเขาแล้วก็มองลงไปเป็นหมู่บ้านมีหลังคาสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ
โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาสูงๆ ยอดของภูเขาก็จะเป็นหิมะปกคลุมอยู่นิดหน่อยค่ะ ยังไม่ละลายไปทั้งหมดนะคะ
โรงเตี๊ยมอีกแห่ง
นี่ๆ เจอแล้วร้านซอฟท์ครีมเกาลัค
ลูกเกาลัคเป็นแบบนี้เลยค่ะ เคยเห็นมั้ยคะ เม็ดใหญ่ๆ หวานหอม นัวลิ้นสมชื่อสุดยอดเกาลัคญี่ปุ่น
สองข้างทางของถนนเท่าที่เดินชมไปตามทางเรื่อยๆ ก็จะเป็นบ้านโบราณ พิพิธภัณฑ์ โรงน้ำชา ส่วนร้านขายของที่ระลึกจะตั้งเรียงรายตลอด ให้เราได้เลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองกันได้อย่างอิ่มเอม
มาเจออีกแล้วร้านขนมญี่ปุ่น
โมจิแบบ Homemade
เป็นที่ทราบกันดีว่า มาโกเมะจูกุเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากๆ ในสมัยก่อน เนื่องจากเป็นสถานีหลักของการไปรษณีย์ที่ชื่อว่า Nakasendou นอกจากนี้ สายไฟ สายโทรศัพท์และเสาจะถูกซ่อนไว้หลังตึกต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ทำลายทัศนียภาพของเมืองเก่าในสมัยเอโดะ
ที่สำคัญเป็นหนึ่งในห้าของถนนสายหลักที่เริ่มจาก Nihonbashi ในสมัยเอโดะ
ลูกอะไรหน้าตาน่ารัก
สรุป เราใช้เวลาทั้งหมดในการเดินในมาโกเมะจุกุ ประมาณ 1 ชั่วโมงเต็มนะคะ
เราค่อยๆ เดิน แวะกินขนมนู่นนี่นั่น จริงๆแล้วเดินแป๊บเดียวก็หมดเวลาค่ะ ถ้าเดินตั้งใจจริงๆ เราว่าประมาณ 10 นาทีก็สุดถนนแล้วนะคะ
ที่ตั้ง : 4282 Magome, Nakatsugawa, Gifu 508-0502
วิธีการเดินทาง : จากสถานีรถไฟเจอาร์นากาทสึกาวะ (JR Nakatsugawa Station) โดยรถบัสคิตะเอนะโคทสึสายมาโกเมะ (Kitaena bus Magome Line) ลงที่ป้ายมาโกเมะ (Magome) ถ้าหากเช่ารถ/ขับรถมาเอง set เนตามแผนที่เลยค่ะ เราจอดที่ลานจอด B2 ค่าเข้า-ที่จอดรถฟรี
แผนที่:
About the author
RiangSupod
เลขาสาวผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยว อาหาร และวัฒนธรรมญี่ปุ่น จบปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์-ปริญญาโทรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
เคยอาศัยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และได้เดินทางไปทำงานและไปท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นบ่อยๆ ทำให้มีเพื่อนทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่นทุกเพศทุกวัย
ปัจจุบันเป็นเลขานุการผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง
คิดถูกใจ