ตามรอยภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Nobody knows

ตามรอยภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Nobody knows

คนไทยหลายคนคุ้นเคยกับการมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นด้วยการเดินทางไปดูภูเขาไฟฟูจิ หรือเดินทางไปโอซาก้าเพื่อถ่ายรูปกับป้ายกูลิโกะที่ย่านช้อปปิ้งโดทงโบริ แต่วันนี้ขอเสนออีกทางเลือกหนึ่งของการเที่ยวประเทศญี่ปุ่นในรูปแบบที่ไม่ซ้ำใคร เพราะวันนี้จะพาไปตามรอยโลเคชั่นที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์สัญชาติญี่ปุ่นเรื่อง Nobody knows

 

この投稿をInstagramで見る

 

ⓎⓊⓀⒾ(@ykmo_vie)がシェアした投稿


Nobody knows เป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นเกี่ยวกับเด็กที่ถูกแม่ทิ้งให้อยู่ในอพาร์ทเม้นท์ตามลำพังสี่คนพี่น้อง ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นพี่น้องต่างพ่อ ออกฉายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.2004 และส่งผลให้นักแสดงนำในเรื่องซึ่งขณะนั้นอายุเพียง14 ปี ได้รับรางวัลจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผู้เป็นแม่ได้ทิ้งให้ลูกที่ยังเล็กอยู่ตามลำพังเป็นเวลานานกว่าหกเดือนโดยที่ไม่ได้กลับมาเยี่ยมหรือดูแลลูกเลย นานๆครั้งจะส่งเงินมาให้ทางไปรษณีย์ ไม่แม้แต่จะพาไปลูกไปแจ้งเกิดหรือให้ไปโรงเรียน นับว่าเป็นข่าวที่สร้างความสะเทือนใจแก่ชาวญี่ปุ่นและส่งผลให้เกิดการตระหนักเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนบ้านใกล้เรือนเคียงของชาวญี่ปุ่นอีกด้วย

ผ่านไป14ปีภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังครองใจคนไทยหลายๆคนจนถึงวันนี้ วันนี้เราจะมาดูกันว่ามีอะไรๆเปลี่ยนไปบ้างในโลเคชั่นที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้
โลเคชั่นที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ส่วนใหญ่จะอยู่เขต nakano โลเคชั่นในภาพยนตร์ที่ทุกคนจำได้คือ อพาร์ทเม้นท์สีฟ้าสูงประมาณห้าชั้น ด้านหน้าของอพาร์ทเม้นท์ยังคงเป็นลานจอดรถเหมือนเดิม บรรยากาศเงียบสงบเหมือนกับที่เราเห็นในหนัง อาจจะเพราะย่านนี้เป็นย่านที่อยู่อาศัยและค่อนข้างไกลจากสถานีอพาร์ทเม้นตั้งอยู่ที่ Manshon-ribasuta (マンションリバスター, 2-19-6, Matsugaoka, Nakano-ku, Tokyo)


สวนสาธารณะพร้อมกับขั้นบันไดที่มักถูกใช้ถ่ายทำในภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นขั้นบันไดที่ทอดยาวลงมาจากเนิน ที่สุดปลายขั้นบันไดจะเป็นคลองที่ขนานยาวเรียบไปกับบ้านเรือน เมื่อข้ามคลองไปจะเป็นสวนสาธารณะที่เด็กๆในเรื่องมักใช้เป็นสถานที่อาบน้ำ ซักผ้า สระผมและกรองน้ำไว้ใช้ในที่พัก และตัวละครอย่าง “อากิระ” มักใช้เป็นทางผ่านไปซื้ออาหารมาให้น้องๆอีกสามคน สวนสาธารณะนี้ตั้งอยู่ที่ Nishiochiai Park (西落合公園) ด้านในมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กมากมาย บรรยากาศร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ มักจะเห็นพ่อแม่พาลูกๆมาเที่ยวเล่นในวันหยุดอย่างคึกคัก


แม้ในท้ายที่สุดตัวละครของภาพยนตร์เรื่องนี้จะเติบโตเป็นเช่นไร แม่ของเด็กจะได้รับโทษหรือไม่นั่น ผลกระทบของเรื่องนี้กลับสร้างความตระหนักครั้งสำคัญให้กับชาวญี่ปุ่น เกี่ยวกับบทบาทและความสัมพันธ์ของเพื่อนบ้าน เพราะเมื่อพูดถึงประเทศญี่ปุ่นทุกคนจะรู้จักกันดีในด้านของการเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน จนบางทีดูเหมือนต่างคนต่างอยู่และหมางเมิงจนทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เด็กๆที่ถูกปล่อยปละละเลยจากพ่อแม่ ไม่ได้รับการแจ้งเกิดขึ้นทะเบียน และใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวทั้งๆที่มีเพื่อนบ้านอยู่ห้องข้างกันแต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ จนถูกปล่อยให้อยู่ตามลำพังยาวนานกว่าครึ่งปี บางมื้อต้องกินข้าวสารหรือเนื้อสดเพื่อประทังชีวิต แม้แต่น้องที่เสียชีวิตก็เอาน้องไปฝังในที่ห่างไกลผู้คน 14ปีผ่านไปก็ขอภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์แก่ทุกคนไม่ใช่แค่ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น

ดูบทความที่เกี่ยวข้อง

About the author

Minripae

ดูบทความผู้เขียน

จากบัณฑิตนิเทศศาสตร์สู่นักเรียนทุนส่งหนังสือพิมพ์ในประเทศญี่ปุ่น ประสบการณ์กว่า3ปีกับการเรียนและทำงานไปพร้อมๆกัน ปัจจุบันผันตัวมาเริ่มต้นชีวิตแม่บ้านญี่ปุ่น มีเพจท่องเที่ยวร่วมกับเพื่อนบนเฟสบุ๊คชื่อ go there / ไปดิรอไร

https://www.facebook.com/paidigothere/

ถูกใจ แชร์เลย

บทความที่เกี่ยวข้อง

Ted Café & Bar คาเฟ่หมี Ted สุดแสบบุกชิบูย่า

ตะลอนกินซูชิ ดื่มสาเกที่ร้าน “Sugidama” ที่คากูราซากะ (Kagurazaka) ในเมืองโตเกียว

เทพีเสรีภาพท่ามกลางดอกซากุระบานสะพรั่งที่ญี่ปุ่น

โบกี้รถไฟสีเขียวโดดเด่นตรงข้ามรูปปั้นฮาจิโกะ

โรงแรมก็อตซิลล่า Hotel Gracery Shinjuku

คูปองส่วนลดของร้านค้าในโตเกียว

ร้าน “hands be” by Tokyu Hands กิฟท์ช็อปน่ารักสไตล์ญี่ปุ่น

TOKYO RAMEN KOKUGIKAN MAI แหล่งรวมสุดยอดราเมนที่ห้างอะควาซิตี้ (Aqua City) โอไดบะ (Odiaba)

พิพิธภัณฑ์ของเล่นโตเกียวหรือ “Tokyo Toy Museum”