ป่าแห่งเสียงดนตรีคาวากุจิโกะ (Kawaguchi-ko Music forest Museum) สวนยุโรปหรูพร้อมฉากหลังฟูจิซัง

ป่าแห่งเสียงดนตรีคาวากุจิโกะ (Kawaguchi-ko Music forest Museum) สวนยุโรปหรูพร้อมฉากหลังฟูจิซัง

พาไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง รอบทะเลสาบคาวากูจิโกะ นั่นก็คือ ป่าแห่งเสียงดนตรีคาวากุจิโกะ (Kawaguchi-ko Music forest Museum)

Credit: ผู้เขียน

หน้าทางเข้า แสดงถึงความเป็นป่าแห่งเสียงดนตรีโดยเริ่มจากการจัดให้มีการแสดงร้องโอเปร่าสดประสานเสียงไปกับเครื่องบรรเลงดนตรีอัตโนมัติที่หนึ่งในนั้นคือกล่องดนตรีที่เกือบจะถูกนำไปตั้งไว้เพื่อให้ความสำราญแก่ผู้โดยสารบนเรือไททานิคอันโด่งดัง

Credit: ผู้เขียน

มีดอกไม้สวยๆ ต้อนรับพวกเราด้วยค่ะ

Credit: ผู้เขียน

เมื่อเดินเข้ามาภายในบริเวณ ป่าแห่งเสียงดนตรีคาวากุจิโกะ (Kawaguchi-ko Music forest Museum) ก็จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของสวนสไตล์ยุโรปที่ปูด้วยหินและมีต้นไม้ดอกไม้ตามทางเดินค่ะ

Credit: ผู้เขียน

มีสวนกุหลาบด้วยนะคะ แต่ว่าเราไม่ได้เข้าไปทางนั้น

Credit: ผู้เขียน

เราเลี้ยวซ้ายเข้าไปสู่จุดซื้อตั๋ว (Ticket Office) อย่าลืมหยิบส่วนลดที่ป้ายรถบัสก่อนเข้ามาด้วยนะคะ (แจกส่วนลดค่าเข้าท้ายบทความ)

Credit: ผู้เขียน

มีโบรชัวร์+แผนผังเป็นภาษาไทยให้ด้วยค่ะ โดยมีอัตราค่าเข้าชมดังนี้

Credit: ผู้เขียน

จุดแรกเมื่อพ้นจากจุดจำหน่ายตั๋วคือจุดเช่าชุดแต่ง Cosplay เป็นชุดชาวยุโรปโบราณค่ะ แบบว่าเข้ากับบรรยากาศของสวนนะคะ มีให้เลือกมากมายหลายไซส์ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ผู้หญิงแล้วก็ผู้ชายด้วย (ชุดประจำชาติญี่ปุ่นก็มีด้วยค่ะ)

Credit: ผู้เขียน

บริการค่าเช่าต่อ 90 นาที สำหรับผู้ใหญ่ 1,000 เยน, เด็ก 500 เยนเท่านั้น ผ่านจุดนี้ไปก็จะไปสู่ตัวของสวนด้านในแล้วนะคะ

Credit: ผู้เขียน

เปิดประตูมาต้องร้องว้าว…อลังการงดงามจริงๆค่ะ…ป่าแห่งเสียงดนตรีคาวากุจิโกะเป็นสถานที่ที่รวมเอาสวนสนุก พิพิธภัณฑ์ และสวนดอกไม้มาไว้ในที่เดียวกันอย่างลงตัวภายใต้บรรยากาศที่จำลองมาจากเทือกเขาเเอลป์ทวีปยุโรป

Credit: ผู้เขียน

มีจุดไฮไลท์ตรงที่สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ชัดเจนตลอดทั้งปีจากบริเวณกลางสวนอีกด้วยค่ะ

Credit: ผู้เขียน

แต่วันที่เราไป เห็นลิบๆ แค่นั้น…

Credit: ผู้เขียน

ตอนที่เราไปก็จะเป็นช่วงอีสเตอร์นะคะ จะมีไข่อีสเตอร์ประดับประดาอยู่ด้วยน่ารักมากเลยอ่ะ

Credit: ผู้เขียน

จุดที่เราชอบมากๆ และเชื่อว่าทุกคนก็ชื่นชอบด้วย ก็คือน้ำพุดนตรีตรงกลางลานของสวนค่ะ

Credit: ผู้เขียน

จะตีบอกทุกชั่วโมงแล้วก็มีดนตรีบรรเลงมาพร้อมหุ่นเต้นระบำออกมาค่ะ

Credit: ผู้เขียน

นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นกลุ่มสูงวัยมากันเป็นหมู่คณะเยอะเหมือนกัน

Credit: ผู้เขียน

เราสามารถแวะพักจิบชา ทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศอันแสนโรแมนติกที่ภัตตาคารหรือคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกันที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้

Credit: ผู้เขียน

มีเครื่องดื่มซากุระตามฤดูกาลด้วย

Credit: ผู้เขียน

รองเท้องกันเบาๆได้ค่ะ

Credit: ผู้เขียน

บรรยากาศร้านน่านั่งมาก คือถ้าไม่มีธงญี่ปุ่นจะคิดว่ามาเที่ยวยุโรปเลยเนอะ

Credit: ผู้เขียน

เราได้ซอฟท์ครีมซากุระมาชิมค่ะ

Credit: ผู้เขียน

เที่ยวต่อกัน มาชมกันเลยว่าในอาคารสวยๆ ที่เห็นมีอะไรบ้าง ในส่วนของอาคารห้องโถงแห่งดนตรี มีออร์แกนและเครื่องบรรเลงดนตรีอัตโนมัติอันทรงคุณค่าและหายาก

Credit: ผู้เขียน

บริเวณชั้น 1 ของฮิสทรีฮอลล์ที่ตกแต่งอย่างสวยงามตระการตานี้เป็นที่จัดแสดงคอลเล็คชั่นอันยิ่งใหญ่ของเครื่องบรรเลงดนตรีอัตโนมัติจากอเมริกาโดยมีป้ายบรรยายภาษาอังกฤษประกอบความเข้าใจ ทุกวันจะมีพนักงานผู้เชี่ยวชาญมาประจำการเพื่อสาธิตการแสดงดนตรีของเครื่องดนตรีเหล่านี้วนไป ตามตารางที่จัดไว้

Credit: ผู้เขียน

ส่วนบริเวณชั้น 2 เป็นบริเวณที่เรียกว่าห้องโถงแห่งดนตรีอันเป็นที่จัดแสดงออร์แกน ตุ๊กตาบรรเลงดนตรี

Credit: ผู้เขียน

ตะลึงกับปราสาทดนตรีขนาดใหญ่ “Hellenkimse Castle”โดยจัดแสดงพร้อมมีป้ายบรรยายเป็นภาษาอังกฤษประกอบความเข้าใจ และมีพนักงานผู้เชี่ยวชาญมาประจำการเพื่อสาธิตการแสดงดนตรีของเครื่องดนตรีเหล่านี้วนไปตามตารางที่จัดไว้เช่นกัน

Credit: ผู้เขียน

แต่ถ้าใครไม่มีเวลามากพอที่จะรอการสาธิตรอบถัดไป ก็สามารถขอให้เจ้าหน้าที่สาธิตการแสดงให้ดูเป็นกรณีพิเศษได้ ใครมีเพลงที่ชอบก็ลองขอให้บรรเลงดูได้เช่นกัน

Credit: ผู้เขียน

เจอน้องหมีนั่งรอใครอยู่นะ

Credit: ผู้เขียน

สำหรับกิจกรรมบริเวณออร์แกนฮอลล์ ช่วงเวลาที่เราไป ได้ชมแสดงศิลปะวาดภาพด้วยทรายประกอบการแสดงดนตรีแบบสดๆ โชคดีมากที่ได้ฟังการเล่านิทานสนุกๆ ด้วยศิลปะการวาดภาพด้วยทรายประกอบดนตรีคลาสสิคที่แสดงกันอย่างสดๆ

ภาพวาดจากทรายที่ปรากฏบนจอนั้นเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต ดึงดูดเราเข้าไปสู่โลกแห่งจินตนาการ อย่างไรก็ตามบนจอจะปรากฏคำอธิบายภาษาอังกฤษ จีน(ตัวย่อ) และไทยระหว่างการแสดงด้วยค่ะ

Credit: ผู้เขียน

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังเป็นสถานที่รวบรวมกล่องดนตรีและเครื่องบรรเลงดนตรีอัตโนมัติไว้อย่างหลากหลาย จัดให้มีการแสดงออร์เคสตร้าออร์เคสตราที่บรรเลงโดย Dance Organ ที่มีขนาดใหญ่ติดอันดับโลก

Credit: ผู้เขียน

นอกจากการฟังดนตรีแล้ว นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ยังสามารถผ่อนคลายด้วยการชื่นชมความงามของสวนดอกไม้นานาชนิด ที่ตกแต่งไว้ในสวนแห่งนี้

Credit: ผู้เขียน

สวนศิลปะและดอกไม้ตั้งประดับไว้ตามบริเวณต่างๆ ทั่วทั้งพิพิธภัณฑ์

Credit: ผู้เขียน

สดใส สดชื่นกันไปค่ะตลอดทาง มีความสุขอินเลิฟมากๆ

Credit: ผู้เขียน

คุ้มค่ามากที่ได้เข้าชมสวนดอกไม้ และถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิได้ทั้งวัน แถมยังฟังบรรเลงออร์เคสตร้าออร์เคสตรา ชมโอเปร่าได้ทุกรอบแบบไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถมาสัมผัสประสบการณ์ดีๆ ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ทุกวันไม่หวั่นแดดฝน โดยที่ไม่ต้องกังวลกับเรื่องสภาพอากาศ

Credit: ผู้เขียน

เรียกว่าเป็นอีกหนึ่ง จุดน่าแวะริมทะเลสาปคาวากุจิโกะ เหมาะกับเพื่อนๆที่ไปเที่ยวไม่ใช่ช่วงซากุระหรือใบไม้แดง คือเป็นสวนที่สวยอยู่ในตัวครบครันอยู่แล้วนะคะ โดยเฉพาะโดดเด่นที่ต้นคริสตัลสะท้อนแสงแดด ระยิบระยับ ดูแพงและมีคุณค่างดงาม

Credit: ผู้เขียน

แล้วก็มีร้านขายของฝาก/ของที่ระลึก ร้านน้ำหอม “La Maison de Parfum” (ลาเมซงเดอเพอร์ฟูม) ในป่าแห่งเสียงดนตรีคาวากุจิโกะ เคยรีวิวไว้ตามลิงค์ค่ะ

Credit: ผู้เขียน

นอกจากนี้ยังมีอีกร้านนึงอลังการภายในสวน ตั้งอยู่ติดๆ กันกับร้านน้ำหอม “La Maison de Parfum” (ลาเมซงเดอเพอร์ฟูม)

Credit: ผู้เขียน

คือขายของน่ารัก กุ๊กกิ๊ก เรียกว่าได้อารมณ์คล้ายๆไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีแห่งโอตารุเลยค่ะ เคยรีวิวไว้เช่นกันตามลิงค์

Credit: ผู้เขียน

สำหรับห้องน้ำอยู่ตรงจุดข้างหน้าประตูทางเข้านี่ล่ะค่ะ เดินลงมาชั้นใต้ดิน แล้วก็จะมีล็อกเกอร์หยอดเหรียญไว้สำหรับเก็บของด้วย

Credit: ผู้เขียน

ทิ้งท้ายก่อนกลับด้วยรถม้าเจ้าหญิงในสวนในยุโรป

Credit: ผู้เขียน

สรุปได้ว่า ป่าแห่งเสียงดนตรีคาวากุจิโกะ (Kawaguchi-ko Music forest Museum) เป็นสวนสไตล์ยุโรปที่ตกแต่งด้วยดอกไม้และอาคารสไตล์ยุโรปที่หรูหรา มีฉากหลังเป็นคุณฟูจิซัง ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือต้นคริสตัลขนาดยักษ์ และทุกๆ ชั่วโมงก็จะมีน้ำพุดนตรี เดินชมทั่วๆ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็น่าจะครบถ้วนค่ะ

Credit: ผู้เขียน

ส่วนลด : ลงรถบัสแล้วให้หยิบโบรชัวร์จะมีส่วนลดให้ วางไว้ที่โต๊ะข้างม้านั่ง แต่เราได้ส่วนลดจากที่พัก ทางเจ้าของ Guest House ให้มาค่ะ เพราะได้พุดคุยกับเค้าว่าเราจะไปเที่ยวที่นี่ หรือปริ้นจากหน้าจอนี้ได้เลยค่ะ

Credit: ผู้เขียน

การเดินทางจากโตเกียว
การเดินทางโดยรถประจำทาง: ขึ้นรถโดยสารประจำทาง Chuo Highway Busจากสถานีชินจูกุ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 105 นาทีก็จะมาถึงสถานีรถไฟคาวากุจิโกะ ลงจากรถประจำทางที่สถานีนี้แล้วขึ้นรถโดยสารประจำทางท้องถิ่นสายสีเเดงบริเวณป้ายหมายเลข 1 นั่งต่อไปอีกประมาณ 24 นาที ก็จะถึงยังป่าแห่งเสียงดนตรีคาวากุจิโกะ

การเดินทางโดยรถไฟ: ขึ้นรถไฟสาย JR. Chuo Line จากสถานีชินจูกุ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 67 นาทีก็จะมาถึงสถานีสถานี Otsuki ให้ลงเพื่อเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Fukikyuko ที่สถานีนี้ ใช้เวลาเดินทางต่อประมาณ 55นาทีก็จะถึงสถานีคาวากุจิโกะ ลงจากรถประจำทางที่สถานีนี้แล้วขึ้นรถโดยสารประจำทางท้องถิ่นสายสีเเดงบริเวณป้ายหมายเลข 1 นั่งต่อไปอีกประมาณ 24 นาที ก็จะถึงยังป่าแห่งเสียงดนตรีคาวากุจิโกะ

Credit: ผู้เขียน

หน้าตารถโดยสารประจำทางท้องถิ่นสายสีแดงที่วิ่งจากสถานีคาวากุจิโกะ (รถประจำทางสายสีเขียว และสายสีฟ้าไม่จอดป้ายหน้าพิพิธภัณฑ์)

Credit: ผู้เขียน

Kawaguchiko Music Forest Museum

ที่ตั้ง: 3077−20 Kawaguchi, Fujikawaguchiko-machi, Minamitsuru-gun, Yamanashi 401-0304

โทร: +81 555-20-4111

เวลาเปิดปิด: 09.30-18.00 น.

เว็บไซต์: https://kawaguchikomusicforest.jp/

แผนที่:

ดูบทความที่เกี่ยวข้อง

About the author

riangsupod-profile_pic_image

RiangSupod

ดูบทความผู้เขียน

เลขาสาวผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยว อาหาร และวัฒนธรรมญี่ปุ่น จบปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์-ปริญญาโทรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
เคยอาศัยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และได้เดินทางไปทำงานและไปท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นบ่อยๆ ทำให้มีเพื่อนทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่นทุกเพศทุกวัย
ปัจจุบันเป็นเลขานุการผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง

ถูกใจ แชร์เลย

บทความที่เกี่ยวข้อง

AEON Lake Town ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

เชอรี่รสชาติหวานอมเปรี้ยวที่มีเฉพาะต้นฤดูร้อนเท่านั้น!

ชมสวน จิบชา ที่ Kenrokuen คานาซาว่า

วัดเจ้าแม่กวนอิมโอสุคันนอน (Osu Kannon Temple)

ขนมโมจิชาเขียว ของดีอันดับหนึ่งจากฟูจิซังที่นี่ที่เดียว

เที่ยวน้ำตกแวะทำบุญที่น้ำตกนาชิ!

หนาวสุดขั้วที่หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-gō)

ชูราอุมิ อควาเรียมที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น

ปราสาทชูริ (Shuri-jô) มรดกโลกอันล้ำค่าของอาณาจักรริวกิวบนเกาะโอกินาวา