“โทโฮคุ” ภูมิภาคที่เปี่ยมล้นไปด้วยมนต์เสน่ห์จนลืมไปว่าเคยประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่ 2019/01/30 “โทโฮคุ” ภูมิภาคที่เปี่ยมล้นไปด้วยมนต์เสน่ห์จนลืมไปว่าเคยประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่ 2019/01/30 Credit: ผู้เขียน คุณรู้จักภูมิภาคโทโฮคุของญี่ปุ่นมั้ยคะ คุณอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวของภูมิภาคโทโฮคุมาบ้าง จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 เดือนมีนาคม 2011 ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่นอกชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ส่งผลให้เกิดคลื่นสึนามิลูกใหญ่ตามมา ประชาชนรวมไปถึงบ้านเรือนต่างได้รับความเสียหายแทบจะประเมินค่าไม่ได้ เฉพาะภูมิภาคโทโฮคุนั้นได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจ การประมง การเกษตรกรรมและการท่องเที่ยว ในส่วนการท่องเที่ยวของโทโฮคุนั้นได้รับผลกระทบหนักสุด ภาพลักษณ์ของโทโฮคุแย่ลง ถึงขนาดว่าไม่ใช่พื้นที่ประสบภัยพิบัติโดยตรง แต่จำนวนนักท่องเที่ยวก็ลดลดอย่างมาก โทโฮคุในวันนี้หลังจากผ่านเรื่องราวยากลำบากมาหลายปี เปลี่ยนไปจนทำให้การไปเยือนโทโฮคุในครั้งนี้น่าจดจำกว่าการเดินทางครั้งไหนๆ Credit: ผู้เขียน ผู้เขียนเองได้มีโอกาสเดินทางไปเยือนโทโฮคุ (Pacific Coast) ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ถ้าจะพูดตามตรงก็คือก่อนเดินทางไปโทโฮคุมีความกังวลเล็กน้อยที่จะเข้าไปในพื้นที่ที่เคยประสบภัยแผ่นดินไหว ในประเทศไทยเองก็มักจะเห็นข่าวเชิงลบของโทโฮคุอยู่หลายครั้ง แต่เมื่อได้ไปเห็นโทโฮคุครั้งแรก ความสวยงามของธรรมชาติ อาหารการกิน และความอบอุ่นของผู้คนท้องถิ่นทำให้ผู้เขียนรู้สึกประทับใจ โดยเฉพาะอาหารการกินในภูมิภาคโทโฮคุนั้นมีความอร่อยและมีเอกลักษณ์เป็นพิเศษ ด้วยโทโฮคุทั้ง 6 จังหวัดมีทั้งชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นและชายฝั่งทะเลแปซิฟิก และในภายใน 6 จังหวัดนั้นจึงถูกรู้จักในฐานะพื้นที่ประมงที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก และอาหารท้องถิ่นหลายๆชนิดก็ทำมาจากอาหารทะเล Credit: ผู้เขียน Credit: ผู้เขียน ที่จังหวัดอาโอโมรินั้นสามารถสนุกเพลิดเพลินไปกับการเลือกรับประทานข้าวหน้าปลาดิบที่ตัวเองโปรดปรานหรือที่เรียกว่า Nokke-don โดยสามารถรับประทานได้ที่ตลาดปลาใกล้ๆสถานีอาโอโมริ นอกจาก Nokke-don แล้วจังหวัดอาโอโมริยังมีชื่อเสียงในเรื่องของแอปเปิ้ลที่รสชาดดีที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย โดยสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์แปรรูปจากแอปเปิ้ลได้ที่ A-Factory สถานที่รวมรวมของฝากของจังหวัดอาโอโมริ เมืองที่มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของตัวเองมาอย่างยาวนานอย่างอาโอโมริจึงมีเทศกาลที่มีชื่อเสียงเช่น เทศกาลฤดูร้อน Nebuta Festival ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้เดินทางไปชมอย่างล้นหลาม Nebuta Festival จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเดือนสิงหาคม แต่ถ้าไปที่ Nebuta Museum Wa Rasse ก็สามารถชม Nebuta ได้ตลอดทั้งปี เรียกได้ว่าถ้าอยากสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นทุกๆด้านต้องมาที่โทโฮคุเท่านั้น Credit: ผู้เขียน ผู้เขียนได้มีโอกาสนั่งรถไฟสาย Sanrikyu ในจังหวัดอิวาเตะ ซึ่งได้เริ่มเปิดให้บริการอีกครั้งหลังจากหยุดให้บริการไปนานถึง 3 ปี ซึ่งที่นี่เป็นรถไฟที่เคลื่อนที่ไปพร้อมกับฟังเรื่องราวอันโหดร้ายของแผ่นดินไหว เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับภัยธรรมชาติ Credit: ผู้เขียน ที่ Ryusendo มีทะเลสาบใต้ดินอันสวยงามจนถูกขนานนามว่า “ดราก้อนบูล” และชายหาด Jodogahama ที่สามารถนั่งเรือชมทิวทัศน์ความงามของชายฝั่งพร้อมกับให้อาหารนกนางนวล โดยเรือที่ให้บริการเป็นเรือลำเดียวที่รอดจากเหตุการณ์สึนามิพัดเข้าชายฝั่ง และในจังหวัดมิยากิสามารถชมความสวยงามของชายฝั่ง Matsushima และ Minamisanriku ส่วนฟูกูชิม่าก็มี Aquamarine Fukushima ที่รวบรวมสัตว์น้ำหลากหลายประเภทให้ได้ชมกัน Credit: ผู้เขียน และในเดือนกันยายน Tourism Expo Japan 2018 ได้ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่โดยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชน โดย Tourism Expo Japan 2018 เป็นงานส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียที่จัดขึ้นทุกปี โดยภูมิภาคโทโฮคุ (Pacific Coast) ก็ได้ออกบูธประชาสัมพันธ์ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวได้ทราบว่าโทโฮคุในวันนี้พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ภายในงานคุณไมเคิล หนึ่งในชาวต่างชาติที่ได้รับเชิญให้มาท่องเที่ยวที่โทโฮคุ ได้รับเกียรติให้ขึ้นพูดสปีชเกี่ยวกับเสน่ห์ของโทโฮคุจากมุมมองชาวต่างชาติ Credit: ผู้เขียน แม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่เสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหว แต่ก็มีการเตรียมพร้อมสำหรับภัยพิบัติทุกประเภทอยู่เป็นประจำ อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับโทโฮคุ เพราะมีการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติอยู่เป็นประจำจึงทำให้เกิดความเสียหายน้อย และการช่วยเหลือสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังคาดการณ์กันว่าจะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ขึ้นอีก และเพื่อเป็นการตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันภัยจึงมีการจัดงานต่างๆ ตัวอย่างเช่น Bosai Kokutai เป็นงานที่ไม่ว่าจะเพศไหนหรืออายุเท่าไหร่ก็สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการป้องกันภัยพิบัติได้ ภายในงานได้มีการนำรถดับเพลิง รถกระเช้าหรือรถที่นำออกไปปฏิบัติใช้งานจริงเวลาเกิดภัยพิบัติ นำมาจัดแสดงให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถทดลองนั่งและเรียนรู้ได้เสมือนจริง เด็กญี่ปุ่นจึงถูกปลูกฝังเรื่องการป้องกันภัยพิบัติและการเอาตัวรอดเมื่อเกิดภัยพิบัติต่างๆมาตั้งแต่ยังเด็กๆ นอกจากการทำจริงทดลองจากประสบการณ์จริงแล้ว ภายในงานยังมีการเสวนาเรื่องการท่องเที่ยวเชิงฟื้นฟูเมืองอีกด้วย Credit: ผู้เขียน Credit: ผู้เขียน ภายในงาน “ Bosai Kokutai” ยังมีการเสวนาเกี่ยวกับโทโฮคุ (Pacific Coast) ว่าปัจจุบันมีการฟื้นฟูหลังประสบภัยพิบัติอย่างไร สามารถนำเอาประสบการณ์เกี่ยวกับภัยพิบัติแผ่นดินไหวในอดีตมาใช้ได้หรือไม่ และต่อจากนี้จะมีวิธีเอาประสบการณ์ตรงนี้ไปใช้ได้ในอนาคตเมื่อเกิดภัยพิบัติอย่างไร เสวนาโดยองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวโทโฮคุ, Minami Sanriku Hotel Kanyo โรงแรมที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวในปี 2011, คุณไมเคิล สื่อต่างประเทศที่ได้รับเชิญให้มาเที่ยวที่โทโฮคุและสุดท้ายจากมหาวิทยาลัยโทโฮคุ ในฐานะที่ได้รับฟังเรื่องราวจากผู้ได้รับประสบการณ์โดยตรง แผ่นดินไหวหรือสึนามิล้วนแต่เป็นสิ่งที่เลวร้าย รู้สึกได้ว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้ได้พบกับประสบการณ์ที่สะเทือนใจอย่างมาก Tourism Expo Japan 2018 และ Bosai Kokutai สองอีเว้นท์ที่ผู้เขียนได้เข้าร่วมที่ผ่านมา นอกจากจะทำให้ทราบถึงสถานการณ์ของความเสียหายและการฟื้นฟูหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว, สึนามิ ยังสัมผัสได้ถึงข้อมูลของโทโฮคุ (Pacific Coast) ว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักรวมไปถึงเสน่ห์ด้านอื่นๆอีกด้วย Credit: ผู้เขียน ผู้เขียนในฐานะที่ได้รับเชิญให้ไปท่องเที่ยวที่โทโฮคุ (Pacific Coast) รู้สึกว่าข้อมูลที่ถูกต้องของโทโฮคุในปัจจุบันยังส่งไปไม่ถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันโทโฮคุ (Pacific Coast) นั้นสามารถเข้ามาท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัย ถ้านักท่องเที่ยวได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่โทโฮคุภายหลังการฟื้นฟูอีกครั้ง ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการถ่ายทอดมนต์เสน่ห์แห่งพื้นที่แถบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของภูมิภาคโทโฮคุ(Tohoku Pacific Coast) ชิมอาหารท้องถิ่นที่ปรุงด้วยอาหารทะเลสดๆ หรือจะเพลิดเพลินไปกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงาม และฟังเรื่องราวจากผู้คนท้องถิ่นซึ่งน่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีถ้าได้เรียนรู้ผ่านภัยพิบัติทางธรรมชาติ เมืองที่หล่อหลอมไปด้วยวัฒนธรรมดั้งเดิมของตัวเอง พร้อมกับรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติไว้มากมาย รวมไปถึงในฐานะที่เป็นภูมิภาคหนึ่งที่ย้ำเตือนและบันทึกประสบการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่สำคัญ กรุณามาท่องเที่ยวที่โทโฮคุ (Pacific Coast) ที่เปี่ยมล้นไปด้วยมนต์เสน่ห์เพื่อให้ได้เห็นกับตาตัวเอง Credit: ผู้เขียน เป็นอย่างไรบ้างคะ คุณผู้อ่านมีความสนใจที่จะมาเที่ยวที่โทโฮคุ (Pacific Coast) ขึ้นบ้างมั้ยคะ โทโฮคุเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วนมนต์เสน่ห์ ที่จะทำให้การเดินทางของคุณเปี่ยมไปด้วยความประทับใจ โทโฮคุภายหลังการฟื้นฟูกำลังรอคอยนักท่องเที่ยวให้กลับไปเยือนอีกครั้ง ท่านที่สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับพื้นที่แถบชายฝั่งทะเลแปซิฟิกของภูมิภาคโทโฮคุ สามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่ http://www.tohoku-pacific-coast.com/th/ ดูบทความที่เกี่ยวข้อง About the author Minripae ดูบทความผู้เขียน จากบัณฑิตนิเทศศาสตร์สู่นักเรียนทุนส่งหนังสือพิมพ์ในประเทศญี่ปุ่น ประสบการณ์กว่า3ปีกับการเรียนและทำงานไปพร้อมๆกัน ปัจจุบันผันตัวมาเริ่มต้นชีวิตแม่บ้านญี่ปุ่น มีเพจท่องเที่ยวร่วมกับเพื่อนบนเฟสบุ๊คชื่อ go there / ไปดิรอไร https://www.facebook.com/paidigothere/ คิดถูกใจ Komachi JAPAN ถูกใจ แชร์เลย
“Nemophila Harmony” งานเทศกาลดอกเนโมฟิลาในสวนฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค ปี 2018 (เริ่ม 21 เม.ย.-13 พ.ค.2018 นี้)
คุณรู้จักภูมิภาคโทโฮคุของญี่ปุ่นมั้ยคะ คุณอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวของภูมิภาคโทโฮคุมาบ้าง จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 เดือนมีนาคม 2011 ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่นอกชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ส่งผลให้เกิดคลื่นสึนามิลูกใหญ่ตามมา ประชาชนรวมไปถึงบ้านเรือนต่างได้รับความเสียหายแทบจะประเมินค่าไม่ได้ เฉพาะภูมิภาคโทโฮคุนั้นได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจ การประมง การเกษตรกรรมและการท่องเที่ยว ในส่วนการท่องเที่ยวของโทโฮคุนั้นได้รับผลกระทบหนักสุด ภาพลักษณ์ของโทโฮคุแย่ลง ถึงขนาดว่าไม่ใช่พื้นที่ประสบภัยพิบัติโดยตรง แต่จำนวนนักท่องเที่ยวก็ลดลดอย่างมาก โทโฮคุในวันนี้หลังจากผ่านเรื่องราวยากลำบากมาหลายปี เปลี่ยนไปจนทำให้การไปเยือนโทโฮคุในครั้งนี้น่าจดจำกว่าการเดินทางครั้งไหนๆ
ผู้เขียนเองได้มีโอกาสเดินทางไปเยือนโทโฮคุ (Pacific Coast) ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ถ้าจะพูดตามตรงก็คือก่อนเดินทางไปโทโฮคุมีความกังวลเล็กน้อยที่จะเข้าไปในพื้นที่ที่เคยประสบภัยแผ่นดินไหว ในประเทศไทยเองก็มักจะเห็นข่าวเชิงลบของโทโฮคุอยู่หลายครั้ง แต่เมื่อได้ไปเห็นโทโฮคุครั้งแรก ความสวยงามของธรรมชาติ อาหารการกิน และความอบอุ่นของผู้คนท้องถิ่นทำให้ผู้เขียนรู้สึกประทับใจ โดยเฉพาะอาหารการกินในภูมิภาคโทโฮคุนั้นมีความอร่อยและมีเอกลักษณ์เป็นพิเศษ ด้วยโทโฮคุทั้ง 6 จังหวัดมีทั้งชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นและชายฝั่งทะเลแปซิฟิก และในภายใน 6 จังหวัดนั้นจึงถูกรู้จักในฐานะพื้นที่ประมงที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก และอาหารท้องถิ่นหลายๆชนิดก็ทำมาจากอาหารทะเล
ที่จังหวัดอาโอโมรินั้นสามารถสนุกเพลิดเพลินไปกับการเลือกรับประทานข้าวหน้าปลาดิบที่ตัวเองโปรดปรานหรือที่เรียกว่า Nokke-don โดยสามารถรับประทานได้ที่ตลาดปลาใกล้ๆสถานีอาโอโมริ นอกจาก Nokke-don แล้วจังหวัดอาโอโมริยังมีชื่อเสียงในเรื่องของแอปเปิ้ลที่รสชาดดีที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย โดยสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์แปรรูปจากแอปเปิ้ลได้ที่ A-Factory สถานที่รวมรวมของฝากของจังหวัดอาโอโมริ เมืองที่มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของตัวเองมาอย่างยาวนานอย่างอาโอโมริจึงมีเทศกาลที่มีชื่อเสียงเช่น เทศกาลฤดูร้อน Nebuta Festival ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้เดินทางไปชมอย่างล้นหลาม Nebuta Festival จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเดือนสิงหาคม แต่ถ้าไปที่ Nebuta Museum Wa Rasse ก็สามารถชม Nebuta ได้ตลอดทั้งปี เรียกได้ว่าถ้าอยากสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นทุกๆด้านต้องมาที่โทโฮคุเท่านั้น
ผู้เขียนได้มีโอกาสนั่งรถไฟสาย Sanrikyu ในจังหวัดอิวาเตะ ซึ่งได้เริ่มเปิดให้บริการอีกครั้งหลังจากหยุดให้บริการไปนานถึง 3 ปี ซึ่งที่นี่เป็นรถไฟที่เคลื่อนที่ไปพร้อมกับฟังเรื่องราวอันโหดร้ายของแผ่นดินไหว เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับภัยธรรมชาติ
ที่ Ryusendo มีทะเลสาบใต้ดินอันสวยงามจนถูกขนานนามว่า “ดราก้อนบูล” และชายหาด Jodogahama ที่สามารถนั่งเรือชมทิวทัศน์ความงามของชายฝั่งพร้อมกับให้อาหารนกนางนวล โดยเรือที่ให้บริการเป็นเรือลำเดียวที่รอดจากเหตุการณ์สึนามิพัดเข้าชายฝั่ง
และในจังหวัดมิยากิสามารถชมความสวยงามของชายฝั่ง Matsushima และ Minamisanriku ส่วนฟูกูชิม่าก็มี Aquamarine Fukushima ที่รวบรวมสัตว์น้ำหลากหลายประเภทให้ได้ชมกัน
และในเดือนกันยายน Tourism Expo Japan 2018 ได้ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่โดยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชน โดย Tourism Expo Japan 2018 เป็นงานส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียที่จัดขึ้นทุกปี โดยภูมิภาคโทโฮคุ (Pacific Coast) ก็ได้ออกบูธประชาสัมพันธ์ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวได้ทราบว่าโทโฮคุในวันนี้พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ภายในงานคุณไมเคิล หนึ่งในชาวต่างชาติที่ได้รับเชิญให้มาท่องเที่ยวที่โทโฮคุ ได้รับเกียรติให้ขึ้นพูดสปีชเกี่ยวกับเสน่ห์ของโทโฮคุจากมุมมองชาวต่างชาติ
แม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่เสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหว แต่ก็มีการเตรียมพร้อมสำหรับภัยพิบัติทุกประเภทอยู่เป็นประจำ อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับโทโฮคุ เพราะมีการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติอยู่เป็นประจำจึงทำให้เกิดความเสียหายน้อย และการช่วยเหลือสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังคาดการณ์กันว่าจะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ขึ้นอีก และเพื่อเป็นการตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันภัยจึงมีการจัดงานต่างๆ ตัวอย่างเช่น Bosai Kokutai เป็นงานที่ไม่ว่าจะเพศไหนหรืออายุเท่าไหร่ก็สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการป้องกันภัยพิบัติได้ ภายในงานได้มีการนำรถดับเพลิง รถกระเช้าหรือรถที่นำออกไปปฏิบัติใช้งานจริงเวลาเกิดภัยพิบัติ นำมาจัดแสดงให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถทดลองนั่งและเรียนรู้ได้เสมือนจริง เด็กญี่ปุ่นจึงถูกปลูกฝังเรื่องการป้องกันภัยพิบัติและการเอาตัวรอดเมื่อเกิดภัยพิบัติต่างๆมาตั้งแต่ยังเด็กๆ นอกจากการทำจริงทดลองจากประสบการณ์จริงแล้ว ภายในงานยังมีการเสวนาเรื่องการท่องเที่ยวเชิงฟื้นฟูเมืองอีกด้วย
ภายในงาน “ Bosai Kokutai” ยังมีการเสวนาเกี่ยวกับโทโฮคุ (Pacific Coast) ว่าปัจจุบันมีการฟื้นฟูหลังประสบภัยพิบัติอย่างไร สามารถนำเอาประสบการณ์เกี่ยวกับภัยพิบัติแผ่นดินไหวในอดีตมาใช้ได้หรือไม่ และต่อจากนี้จะมีวิธีเอาประสบการณ์ตรงนี้ไปใช้ได้ในอนาคตเมื่อเกิดภัยพิบัติอย่างไร เสวนาโดยองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวโทโฮคุ, Minami Sanriku Hotel Kanyo โรงแรมที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวในปี 2011, คุณไมเคิล สื่อต่างประเทศที่ได้รับเชิญให้มาเที่ยวที่โทโฮคุและสุดท้ายจากมหาวิทยาลัยโทโฮคุ
ในฐานะที่ได้รับฟังเรื่องราวจากผู้ได้รับประสบการณ์โดยตรง แผ่นดินไหวหรือสึนามิล้วนแต่เป็นสิ่งที่เลวร้าย รู้สึกได้ว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้ได้พบกับประสบการณ์ที่สะเทือนใจอย่างมาก
Tourism Expo Japan 2018 และ Bosai Kokutai สองอีเว้นท์ที่ผู้เขียนได้เข้าร่วมที่ผ่านมา นอกจากจะทำให้ทราบถึงสถานการณ์ของความเสียหายและการฟื้นฟูหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว, สึนามิ ยังสัมผัสได้ถึงข้อมูลของโทโฮคุ (Pacific Coast) ว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักรวมไปถึงเสน่ห์ด้านอื่นๆอีกด้วย
ผู้เขียนในฐานะที่ได้รับเชิญให้ไปท่องเที่ยวที่โทโฮคุ (Pacific Coast) รู้สึกว่าข้อมูลที่ถูกต้องของโทโฮคุในปัจจุบันยังส่งไปไม่ถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันโทโฮคุ (Pacific Coast) นั้นสามารถเข้ามาท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัย ถ้านักท่องเที่ยวได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่โทโฮคุภายหลังการฟื้นฟูอีกครั้ง ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการถ่ายทอดมนต์เสน่ห์แห่งพื้นที่แถบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของภูมิภาคโทโฮคุ(Tohoku Pacific Coast)
ชิมอาหารท้องถิ่นที่ปรุงด้วยอาหารทะเลสดๆ หรือจะเพลิดเพลินไปกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงาม และฟังเรื่องราวจากผู้คนท้องถิ่นซึ่งน่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีถ้าได้เรียนรู้ผ่านภัยพิบัติทางธรรมชาติ
เมืองที่หล่อหลอมไปด้วยวัฒนธรรมดั้งเดิมของตัวเอง พร้อมกับรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติไว้มากมาย รวมไปถึงในฐานะที่เป็นภูมิภาคหนึ่งที่ย้ำเตือนและบันทึกประสบการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่สำคัญ กรุณามาท่องเที่ยวที่โทโฮคุ (Pacific Coast) ที่เปี่ยมล้นไปด้วยมนต์เสน่ห์เพื่อให้ได้เห็นกับตาตัวเอง
เป็นอย่างไรบ้างคะ คุณผู้อ่านมีความสนใจที่จะมาเที่ยวที่โทโฮคุ (Pacific Coast) ขึ้นบ้างมั้ยคะ โทโฮคุเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วนมนต์เสน่ห์ ที่จะทำให้การเดินทางของคุณเปี่ยมไปด้วยความประทับใจ
โทโฮคุภายหลังการฟื้นฟูกำลังรอคอยนักท่องเที่ยวให้กลับไปเยือนอีกครั้ง
ท่านที่สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับพื้นที่แถบชายฝั่งทะเลแปซิฟิกของภูมิภาคโทโฮคุ สามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่
About the author
Minripae
จากบัณฑิตนิเทศศาสตร์สู่นักเรียนทุนส่งหนังสือพิมพ์ในประเทศญี่ปุ่น ประสบการณ์กว่า3ปีกับการเรียนและทำงานไปพร้อมๆกัน ปัจจุบันผันตัวมาเริ่มต้นชีวิตแม่บ้านญี่ปุ่น มีเพจท่องเที่ยวร่วมกับเพื่อนบนเฟสบุ๊คชื่อ go there / ไปดิรอไร
https://www.facebook.com/paidigothere/
คิดถูกใจ