ถนนสายมาโกเมะจูกุ (Magome-juku : 馬籠宿)

ถนนสายมาโกเมะจูกุ (Magome-juku : 馬籠宿)

Credit: ผู้เขียน

พาไปเที่ยวมาโกเมะจูกุ (Magome-juku : 馬籠宿) ย่านที่พักอาศัยระหว่างทางในสมัยก่อน สร้างขึ้นในช่วงสมัยเอโดะ (ปี ค.ศ. 1603 – 1868) เป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่างเอโดะ(โตเกียว) กับเกียวโต ถนนหนทางปูด้วยหินไปตามเนินลาด สองข้างทางขนานข้างด้วยบ้านพักมากมาย ข้างทางมีลำน้ำเล็ก ๆ ไหลผ่าน สร้างความสดชื่นร่มเย็นให้กับสถานที่ ปัจจุบันที่นี่มีทั้งเรียวกัง พิพิธภัณฑ์ ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกมากมาย น่าเที่ยวขนาดไหน ตามมาค่ะ

Credit: ผู้เขียน

เริ่มทริปถนนโบราณสายมาโกเมะจูกุ (Magome-juku : 馬籠宿) กันด้วยการ set เนวิเกเตอร์ในรถยนต์ก่อนเลย

Credit: ผู้เขียน

เดินทางออกจากสถานีนาโกย่ามาเรื่อยๆ นะคะ ขับรถไปใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนะคะ ก็จะถึง Magome-juku : 馬籠宿) ระหว่างทางที่ไปเจอการทำถนนด้วยค่ะ ป้ายเตือนชัดเจน ดูปลอดภัยดี

Credit: ผู้เขียน

ระหว่างทางก็จะเป็นชนบทของญี่ปุ่นนะคะ

Credit: ผู้เขียน

ชอบมากๆ เลย เป็นภูเขาสูงๆ ผ่านหุบเขาแล้วก็ทางชนบท

Credit: ผู้เขียน

มองไปสองข้างทาง เห็นลิบๆ คือภูเขาที่มีหิมะปกคลุมบางๆ อยู่บนยอดค่ะ

Credit: ผู้เขียน

แปบเดียวก็ถึงแล้วค่ะ แต่เรามาลงที่รู้สึกว่าจะเป็นจุดสิ้นสุดทาง ฮ่าๆๆ เดินย้อนกลับขึ้นไปดีต่อหัวเข่ากว่าเดินลงทางชันๆนะคะ เพราะถนนเป็นทางชันตลอด

Credit: ผู้เขียน

จุดนี้เป็นเหมือนศูนย์รวมตัวนักท่องเที่ยว มีร้านอาหาร ร้านค้า เป็นลานกว้างๆ

Credit: ผู้เขียน

ซอฟท์ครีมก็มีขายค่ะ แต่เราจะพาไปร้านเด็ดในถนน Magome-juku : 馬籠宿 ข้างในค่ะ

Credit: ผู้เขียน

ชอบฝาท่อที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น

Credit: ผู้เขียน

เทคนิคการเดินเที่ยวสำหรับผู้ที่เช่ารถขับมาเองนะคะ ถ้าสมมุติเราไปกันหลายคนก็คือ คนขับมาส่ง แล้วปล่อยให้สมาชิกในทริปเดินขึ้นไป แล้วคนขับรถก็ให้ขับรถวนขึ้นไปรอตรงปลายทางค่ะ (หรือถ้าอยากเดินลงให้ขับมารอทางลง) เพื่ออะไรนะหรอคะ? เพื่อที่ว่าเราไม่ต้องเดินกลับมาอีกรอบนะคะ จะเป็นอะไรที่ประหยัดเวลา เราก็ไม่เหนื่อยด้วย

Credit: ผู้เขียน

สำหรับคนขับที่ขับขึ้นไปข้างบน ก็ให้จอดรถแล้วเดินสวนทางลงมา ระหว่างที่เราค่อยๆ เดินขึ้นไปค่ะ ก็จะเจอกันพบกันครึ่งทางพอดี ก็จะผ่านจุดสำคัญไฮไลท์ นัดเจอตรงกังหันน้ำหรือไปรษณีย์ ได้ถ่ายรูปได้สวยงามครบถ้วนค่ะ นี่เป็นเทคนิคที่เพื่อนชาวญี่ปุ่นแอบบอกมานะคะ เราก็ประหยัดเวลาไปได้เยอะจริงๆ เพราะว่าการเดินขึ้นภูเขาทางชันๆ ก็คงจะเร่งสปีดได้ไม่มากนักนะคะ

Credit: ผู้เขียน

มาถึงก็เจอร้านค้าแรกเลยเก่าแก่มากๆ คุณยายยิ้มต้อนรับ น่ารักมาๆ

Credit: ผู้เขียน

เอาจริงๆ แล้วอากาศค่อนข้างดีเลยค่ะ วันที่ไปไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไป 10-15 องศาเซลเซียส

Credit: ผู้เขียน

คนก็น้อยด้วยนะคะอาจจะสงสัยกันว่าทำไมเหมือนไม่ค่อยเป็นที่นิยมหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเลยล่ะค่ะ

Credit: ผู้เขียน

มาได้ทุกฤดูนะคะ แต่ช่วงที่เราไปคือต้นเดือนธันวาคม 2017 ที่ผ่านมา

Credit: ผู้เขียน

เราก็ได้ขึ้นไปเรื่อยๆ ค่ะ

Credit: ผู้เขียน

ระหว่างทางเลียบทางเดินจะเป็นท่อระบายอยู่ข้างทางนะคะ น้ำใสมากๆ ก็ไหลลงมาเรื่อยๆ เป็นระยะๆ ค่ะ

Credit: ผู้เขียน

เราก็เดินขึ้นไป แล้วหันหลังกลับมามอง (แต่ถ้าใครเดินจากข้างบนลงมาก็จะได้วิวแบบนี้ค่ะ)

Credit: ผู้เขียน

กังหันน้ำที่ต้องถ่ายภาพด้วย เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ค่ะ

Credit: ผู้เขียน

การที่เราได้ไปในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็จะได้เห็นใบไม้สีแดงของต้นโมมิจิหรือต้นเมเปิ้ลนั่นเองค่ะ มีไม่เยอะนะคะ รู้สึกทั้งทางเดินก็จะเห็นอยู่ต้นสองต้นแค่นั้นเองค่ะ

Credit: ผู้เขียน

เดินไปตามป้ายเลยค่ะ เราจะไปทาง POST TOWN

Credit: ผู้เขียน

นี่คือหน้าบริเวณสำนักงานไปรษณีย์ที่เป็นไฮไลท์ของถนนเส้นนี้นั่นเองค่ะ ก็ยังสามารถส่งไปรษณีย์ได้นะคะ แต่พอดีตอนที่เราไปไม่มีเจ้าหน้าที่ เราก็เลยเดินเลยมาเลย เพราะว่าเวลาเริ่มจะช้าแล้วค่ะ

Credit: ผู้เขียน

สำหรับผู้ใหญ่ เราว่าเป็นการออกกำลังกายที่ดีเลยค่ะ แต่ก็ค่อยๆ เดินนะคะ ไม่ต้องรีบค่ะ เดินสบายๆ ชมวิวทิวทัศน์แล้วก็ดื่มด่ำ

Credit: ผู้เขียน

มโนว่า…เออ…ถ้าเราเป็นคนญี่ปุ่นสมัยก่อนในยุคเอโดะเราจะใช้ชีวิตแบบนี้ยังไงนะ

Credit: ผู้เขียน

GuestHouse น่าพักจัง

Credit: ผู้เขียน

มีจุดถังน้ำเอาไว้ตักราดเวลาเกิดไฟไหม้ในสมัยโบราณ

Credit: ผู้เขียน

จุดที่โดดเด่นของ มาโกเมะจูกุ ตั้งอยู่บนเขาทางลาดชันประมาณ 600 เมตร และเป็นที่ตั้งของ Tsumagojyuku ซึ่งเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมจำนวนมากอยู่ตลอดค่ะ

Credit: ผู้เขียน

ต้องบอกว่าวิวสวยๆ แบบนี้หาชมไม่ได้เลยนะคะ คือเดินขึ้นมาเหมือนอยู่บนยอดเขาแล้วก็มองลงไปเป็นหมู่บ้านมีหลังคาสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ

Credit: ผู้เขียน

โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาสูงๆ ยอดของภูเขาก็จะเป็นหิมะปกคลุมอยู่นิดหน่อยค่ะ ยังไม่ละลายไปทั้งหมดนะคะ

Credit: ผู้เขียน

โรงเตี๊ยมอีกแห่ง

Credit: ผู้เขียน

นี่ๆ เจอแล้วร้านซอฟท์ครีมเกาลัค

Credit: ผู้เขียน

ลูกเกาลัคเป็นแบบนี้เลยค่ะ เคยเห็นมั้ยคะ เม็ดใหญ่ๆ หวานหอม นัวลิ้นสมชื่อสุดยอดเกาลัคญี่ปุ่น

Credit: ผู้เขียน

สองข้างทางของถนนเท่าที่เดินชมไปตามทางเรื่อยๆ ก็จะเป็นบ้านโบราณ พิพิธภัณฑ์ โรงน้ำชา ส่วนร้านขายของที่ระลึกจะตั้งเรียงรายตลอด ให้เราได้เลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองกันได้อย่างอิ่มเอม

Credit: ผู้เขียน

มาเจออีกแล้วร้านขนมญี่ปุ่น

Credit: ผู้เขียน

โมจิแบบ Homemade

Credit: ผู้เขียน

เป็นที่ทราบกันดีว่า มาโกเมะจูกุเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากๆ ในสมัยก่อน เนื่องจากเป็นสถานีหลักของการไปรษณีย์ที่ชื่อว่า Nakasendou นอกจากนี้ สายไฟ สายโทรศัพท์และเสาจะถูกซ่อนไว้หลังตึกต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ทำลายทัศนียภาพของเมืองเก่าในสมัยเอโดะ

Credit: ผู้เขียน

ที่สำคัญเป็นหนึ่งในห้าของถนนสายหลักที่เริ่มจาก Nihonbashi ในสมัยเอโดะ

Credit: ผู้เขียน

ลูกอะไรหน้าตาน่ารัก

Credit: ผู้เขียน

สรุป เราใช้เวลาทั้งหมดในการเดินในมาโกเมะจุกุ ประมาณ 1 ชั่วโมงเต็มนะคะ

Credit: ผู้เขียน

เราค่อยๆ เดิน แวะกินขนมนู่นนี่นั่น จริงๆแล้วเดินแป๊บเดียวก็หมดเวลาค่ะ ถ้าเดินตั้งใจจริงๆ เราว่าประมาณ 10 นาทีก็สุดถนนแล้วนะคะ

Credit: ผู้เขียน

ที่ตั้ง : 4282 Magome, Nakatsugawa, Gifu 508-0502

วิธีการเดินทาง : จากสถานีรถไฟเจอาร์นากาทสึกาวะ (JR Nakatsugawa Station) โดยรถบัสคิตะเอนะโคทสึสายมาโกเมะ (Kitaena bus Magome Line) ลงที่ป้ายมาโกเมะ (Magome) ถ้าหากเช่ารถ/ขับรถมาเอง set เนตามแผนที่เลยค่ะ เราจอดที่ลานจอด B2 ค่าเข้า-ที่จอดรถฟรี

แผนที่:

ดูบทความที่เกี่ยวข้อง

About the author

riangsupod-profile_pic_image

RiangSupod

ดูบทความผู้เขียน

เลขาสาวผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยว อาหาร และวัฒนธรรมญี่ปุ่น จบปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์-ปริญญาโทรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
เคยอาศัยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และได้เดินทางไปทำงานและไปท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นบ่อยๆ ทำให้มีเพื่อนทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่นทุกเพศทุกวัย
ปัจจุบันเป็นเลขานุการผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง

ถูกใจ แชร์เลย

บทความที่เกี่ยวข้อง

จุใจกับสตรอเบอร์รี่สดๆ ทานได้ไม่อั้น

กินลมชมวิวไปกับรถไฟ Iyonada Monogatari

เดินทอดน่อง ท่องเที่ยวธรรมชาติ ที่ Kamikochi กันเต๊อะ

สตาร์บัคส์เจแปน เปลี่ยนลายแก้วและบัตรสตาร์บัคส์ประจำเมืองใหม่

เพลิดเพลินกับการชมต้นซากุระกว่า 2,600 ต้นที่เทศกาลดอกซากุระที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฮิโรซากิ (Hirosaki) พร้อมกิจกรรมมากมาย

บุฟเฟ่ต์สตรอเบอรี่: VERY BERRY FARM NISHIWAKI

ร้านขายของกระจุ๊กกระจิ๊ก Flying Tiger Copenhagen

Unseen Japan: Obara Shikizakura : 小原四季桜 ซากุระบานพร้อมใบไม้แดง…แบบนี้ก็ได้หรอ จริงดิ?

“ชิกะโคเกน” สกีหิมะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น